วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แก้ว พงษ์ประยูร ผ่านเข้ารอบ 2 รุ่น 49 กก.


วันพุธ ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555
แก้ว พงษ์ประยูร นักมวยสากลสมัครเล่นไทย ผ่านเข้ารอบ 2 ศึกโอลิมปิก 2012 หลังชนะ นักมวยสากลสมัครเล่นอัลจีเรีย 19-11 คะแนน ในการแข่งขันมวยสากลชายรุ่น 49 กก.

ศึก มวยสากลสมัครเล่น ศึกดอลิมปิก 2012 ที่ประเทศอังกฤษ รุ่น 49 กก.ชาย แก้ว พงษ์ประยูร ขึ้นสังเวียนรอบแรกพบกับ มูฮาเหม็ด ฟลิสซี นักชกจากแอลจีเรีย
ยก แรก แก้ว ที่เสียเปรียบช่วงชกสั้นกว่ายังหาจังหวะเข้าชกทำคะแนนได้ไม่ถนัด เนื่องจากถูกคู่ต่อสู่ดักปล่อยหมัดหน้าเข้าใส่อยู่บ่อยครั้ง หลังจบยกแรกแลกหมัดใส่กันพอเป็นพิธีเป็น แก้ว นำอยู่ 7-6 ยก 2 แก้ว ออกหมัดขวาตรงเข้าใส่หน้าของ มูฮาเหม็ด ฟลิสซี ได้ชันเจน 2-3 หมัด ตั้งแต่ต้นยกและยังเดินหน้าลุยใส่อย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมในยกนี้เหนือกว่าเห็นได้ชัด และเมื่อหมดยกเป็นไปตามคาด แก้ว นำอยู่ 14-9 ยกสุดท้าย กำปั้นจากแอลจีเรียต้องออกมาเดินเข้าหามากขึ้น ขณะที่แก้ว ออกมาชกด้วยความมั่นใจ มีโดนต่อยคืนหลายหมัด แต่อาศัยจังหวะโยกหลบและปล่อยหมัดชุดใส่ได้เป็นระยะ หมดยกสุดท้าย แก้ว เข้ารอบ 2 ต่อไปแบบไม่มีปัญหาชนะคะแนน 19-11

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เด็จพี่ ซีด! ศาลอาญาฯ สั่งจำคุก 1 ปี ฐานหมิ่น ปธ.ศาล รธน. ปี 53


พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษา ในคดีที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพร้อมพงศ์ และนายเกียรติ์อุดม ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาจากกรณีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 ที่นายพร้อมพงศ์ และนายเกียรติ์อุดม ร่วมกันแถลงข่าวกล่าวหาประธานศาลรัฐธรรมนูญว่า ประพฤติตนไม่เหมาะสม ไม่น่าเชื่อถือ ขัดต่อจริยธรรมของตุลาการ ขาดความยุติธรรมและขาดความเป็นกลาง ซึ่งเป็นเหตุให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ทั้งนี้ศาลอาญาพิพากษานายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายเกียรติ์อุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ฐานหมิ่นประมาทประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้จำคุกคนละ 1 ปี ปรับ 50,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษมาก่อน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปีและลงโฆษณาโดยย่อในหนังสือพิมพ์จำนวน 3 เป็นเวลา 7 วัน
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายพร้อมพงศ์ และนายเกียรติ์อุดม ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ครบก่อนการแถลงข่าว เห็นว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยไม่สุจริตหวังผลทางการเมือง ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พื้นที่ที่ต่ำที่สุดในโลก


พื้นที่ที่ต่ำที่สุดในโลก
  บน พื้นดินที่เรา เดิน วิ่ง หรือขึ้นรถไปโน้นมานี้ ก็เป็นที่รู้ว่าระดับของพื้นดินในแต่ละแห่งไม่เท่ากัน สูงบ้าง ต่ำบ้าง และเราก็ทราบกันทุกคนแล้วที่สูงที่สุดในประเทศไทย คือ ยอดดอยอินทนนท์ 
  ยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง2565.3341 เมตร การที่จะรู้ว่าที่นั้นตำกว่าหรือสูงกว่านั้นจะต้องใช้เครื่องมือที่เพิ่งคิด ค้นพบได้ไม่กี่สิบปีนี้เอง ก่อนหน้านั้นถ้าจะรู้ว่าที่นั้นสูงกว่าหรือต่ำกว่าได้ก็โดยการคาดเดาด้วยสาย สา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านับพื้นที่ทั่วโลกแล้วยากมากที่จะบอกว่าตรงจุดไหนที่ตำ กว่าหรือสูงกว่ากัน
  สิ่ง หนึ่งสิ่งใดถ้าจะบอกว่าตรงไหนสั้นกว่าหรือยาวกว่า หรือว่าตรงไหนต่ำกว่าหรือสูงกว่าต้องถามคนที่ประดิษฐ์สิ่งนั้นถึงจะถูกต้อง ที่สุด แน่นอนพื้นดินที่เราอาศัยอยู่ก็เช่นกัน การจะรู้ว่าตรงไหนสูงกว่าหรือต่ำกว่านั้นก็รู้จากผู้สร้างที่เป็นผู้บอกเอง 
  เมื่อ พันสี่ร้อยกว่าปีมาแล้ว สถานที่ที่ต่ำที่สุดบนพื้นที่โลกพระเจ้าผู้สร้างโลกได้ทรงบอกแก่มวลมนุษย์ แล้วว่าตรงไหนต่ำที่สุด ดังที่พระองค์ทรงตรัสในอัลกุรอาน ในสูเราะฮฺ อัร-รูม อายัตที่ 1-4 ว่า
الم * غُلِبَتِ الرُّومُ * فِي أَدْنَى الْأَرْضِ وَهُمْ مِنْ بَعْدِ غَلَبِهِمْ سَيَغْلِبُونَ * فِي بِضْعِ سِنِينَ لِلَّهِ الْأَمْرُ مِنْ قَبْلُ وَمِنْ بَعْدُ وَيَوْمَئِذٍ يَفْرَحُ الْمُؤْمِنُونَ 
  ความว่า : (1) อะลิฟ ลาม มีม (2) พวกโรมันถูกพิชิตแล้ว (3) ในดินแดนอันใกล้นี้ แต่หลังจากการปราชัยของพวกเขาแล้วพวกเขาจะได้รับชัยชนะ (คือหลังจากปราชัยต่อพวกเปอร์เชียแล้ว พวกโรมันก็จะได้รับชัยชนะ) (4)ในเวลาไม่กี่ปีต่อมา พระบัญชาเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ทั้งก่อนและหลัง (ชัยชนะ) และวันนั้นบรรดาผู้ศรัทธาจะดีใจ 
วรรคความ นี้พระเจ้าได้บ่งบอกอย่างน้อยสองอย่างที่นับว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความ สามารถของมนุษย์ในสมัยนั้น โดยพระเจ้าบอกในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภาคหน้า ชาวโรมัน อาณาจักรไบเซนไทน์ จะได้รับความพ่ายแพ้  และเมื่อ ข่าวการพ่ายแพ้ของพวกโรมันต่อพวกเปอร์เซีย พวกมุสลิมก็เศร้าเสียใจด้วย เพราะพวกโรมันเป็นกลุ่มที่นับถือพระเจ้าเหมือนกับมุสลิม แต่ชาวเปอร์เซียเป็นพวกบูชาไฟและเป็นกลุ่มที่พวกมุชริกินที่ปฏิเสธอิสลามใน มักกะฮฺต่างก็เยอะเย้ยมุสลิม
          กระนั่นก็ตามในวรรคความต่อมา(วรรคความที่ และ 4) พระเจ้าก็ได้แจ้งว่าพวกโรมันจะได้รับชัยชนะในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และเมื่อนั่นมุสลิมก็จะได้รับความดีใจ  
 คำว่าไม่กี่ปีในอัลกุรอานใช้คำว่า بِضْعِ سِنِينَ ซึ่งคำว่า بِضْعِ  เป็นภาษาอาหรับที่มีความหมายว่าหลายปี และหลายที่นี้อยู่ในช่วง 3-9 ปี มีรายงานหนึ่งว่า ชาวมุชริกีนไปถามว่ากี่ปี บางคนตอบไปว่า ปี เมื่อเวลาผ่านไป ปี จริง พวกโรมันก็ยังไม่ได้รับชัยชนะ ก็ยี่งทำให้ชาวมุชริกีนยี่งเยาะเย้ยมุสลิมรวมไปถึงเยาะเย้ยความเป็นจริงของ อัลกุรอานด้วย และพวกเขา(ทุกคนที่ไม่เชื่ออัลกุรอาน)ต่างก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกโรมัน จะชนะเปอร์เซีย เพราะพวกโรมันในช่วงนั้นต่ำต้อยและยากจนมาก และเมื่อเวลาผ่านไปถึง ปี โรมันก็ได้รับชัยชนะจริงๆ (บางรายงานกล่าวว่าใช้เวลา ปี) นี่เป็นหลักฐานที่แน่ชัดอย่างหนึ่งว่าอัลกุรอานนั้นไม่ใช่คำกล่าวลอยที่ยก ร่างขึ้นมาเอง หรือเป็นคำพูดของศาสดา แต่เป็นคำตรัสจากพระเจ้าผู้สร้างโลกสร้างทุกสิ่งทุกอย่างอย่างแท้จริงๆ
 สถาน ที่เกิดสงครามระหว่างพวกโรมันกับพวกเปอร์เซียและได้รับชัยชนะนั้น เป็นพื้นดินระหว่างจอร์แดนกับฟาเลสไตน์(อิสราเอล) อิบนุหะญัรฺ อัล-อัศกอลานี้ ได้กล่าวว่า ดินแดนที่เกิดสงครามนั้นคือช่วงระหว่าง อัซรออาตในจอร์แดนกับบัศรอในชาม

แผนที่แสดงพื้นที่ระหว่างจอร์แดนและฟาเลไตน์(อิสราอีล)
ทะเลเดดซีอยู่ระหว่างทั้งสองประเทศและเป็นพึ้นที่ที่ต่ำที่สุด
 ในอัลกุรอาน พระเจ้าใช้คำว่า أَدْنَى الْأَرْضِ 
 คำว่า الْأَرْضِ หมายถึง  พื้นแผ่นดินหรือพื้นโลก
 คำว่าأَدْنَى  มีหลายความหมาย  
 1. แปลว่า أقرب หมาย ถึงที่ใกล้ที่สุด นั้นหมายถึงสงครามที่พวกโรมันแพ้พวกเปอร์เซียอยู่ในดินแดนที่ไม่ไกลจากมักกะ ฮฺและมะดีนะฮฺ และนักอรรถาธิบายอัลกุรอานส่วนใหญ่จะเขียนแปลความหมายในอายัตนี้ในความหมาย นี้ รวมทั้งหนังสือแปลความหมายอัลกุรอานที่เป็นภาษาไทยด้วย 
 2. แปลว่า أقل หมายถึง น้อยที่สุด  
 3. แปลว่า أخفض หรือ أهبط  หมายถึงที่ต่ำที่สุด
 จากการศึกษาด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ พื้นดินที่ตำที่สุด พบว่า
 · บนพื้นดินดินบริเวณพื้นที่ต่ำอัลฟัยยูมในประเทศอิยิปต์ ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 45 เมตร 
 · ก้นทะเลสาบ Death Valley ใน California ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 8เมตร
  · พื้นที่ต่ำทางตอนเหนือของทะเลทรายในอิยิปต์ตะวันตก ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 133 เมตร
  · ก้นทะเลสาบ Tiberias طبرية ทางตอนเหนือของอิสราเอล ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 209 เมตร
 · พื้นที่ประเทศจอร์แดน  ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 212-400 เมตร
 · ผิวน้ำในทะเลเดดซี ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 402 เมตร
 · พื้นดินที่ต่ำที่สุดบริเวณทะเดดซี ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 394เมตร


ป้ายแสดงสถานที่ต่ำที่สุดในโลก ต่ำกว่า 394 เมตร จากระดับน้ำทะเล

         การวัดความลึกของบริเวณเดดซี(หรือที่อื่นๆ) จะสามารถทำได้โดยใช้เทคโนโลยีในสมัยใหม่เท่านั้น ก่อนหน้านี้ เป็นไ ปไม่ได้เลยที่จะมีผู้ใดสามารถล่วงรู้ว่า ที่แห่งใดเป็นดินแดนที่ต่ำที่สุดบนพื้นโลก แต่ดินแดนดังกล่าวได้ถูกกล่าวไว้แล้วในอัลกุรอานว่าเป็นดินแดนที่ต่ำที่สุด บนโลก และนี่ก็เป็นหลักฐานอีกประการหนึ่งว่า อัลกุรอาน เป็นวจนะของพระเจ้าผู้ทรงสร้าง อย่างแท้จริง

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ผบ.ทบ. ประนามโจรใต้ พร้อมขอบคุณประชาชนให้กำลังใจทหาร


ผบ.ทบ. ประนามโจรใต้ พร้อมขอบคุณประชาชนให้กำลังใจทหาร ยันทหารทุกนายพร้อมดูแลประชาชน

ผู้สื่อข่าว Mthai News รายงาน ว่า พ.อ.สรรแสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก  ขอขอบคุณประชาชนคนไทยทุกภาคส่วนที่กรุณาเป็นกำลังใจให้ทหารในการปฏิบัติ ภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กองทัพบกขอยืนยันว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ทหารทุกนายพร้อมปฏิบัติภารกิจในการดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็ม ที่สุด
ส่วนกรณีที่ทหารเสียชีวิต 4 นายและบาดเจ็บ 2 นาย เกิดจากปฏิบัติภารกิจในการรักษาความปลอดภัยให้กับครูและนักรียน ไม่เข้าใจว่า ทหารไปทำอะไรให้เดือดร้อน และขอประนามกับกลุ่มขบวนการนี้เพราะจุดมุ่งหมายของทหารทั้ง 6 นายได้ไปปฏิบัติภารกิจในการรักษาความปลอดภัยครูและนักเรียน ไม่ได้ไปปฏิบัติอย่างอื่น

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เฉลิม แจง ดวงย้ายมาเป็นตำรวจ ทำตามขั้นตอน บอกลูกชายยิงปืนแม่น


เฉลิม แจง ดวงย้ายมาเป็นตำรวจ ทำตามขั้นตอน บอกลูกชายยิงปืนแม่น
จา กกรณที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เซ็นคำสั่ง บช.น.ที่ 322/2555 เรื่องโอนข้าราชการ ถึงปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ตามที่หนังสือที่อ้างถึงแจ้งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อนุมัติการรับโอน ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ผู้บังคับหมวด กองร้อยสารวัตรทหาร สารวัตรยุทธบริการทหาร กระทรวงกลาโหม ไปรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น
วันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การเซ็นคำสั่ง โอนย้ายเป็นไปตามขั้นตอน และที่ผ่านมาก็จะเห็นว่ามีการโอนย้ายจากทหารมาเป็นตำรวจนับไม่ถ้วน รวมทั้งตนด้วย การที่ลูกชายตนโอนมาเป็นตำรวจเพราะยิงปืนแม่น ผบช.น.ก็เลยขอให้มาช่วย  โดยขอให้มาเป็นครูฝึก ไม่มีตำแหน่งสำคัญอะไร แต่ ตอนที่ทำเรื่องโอนย้ายลูกชายไม่ได้มาปรึกษาตน ถ้ามาปรึกษาก็จะห้าม เพราะไม่เห็นด้วย  ชีวิตตำรวจไม่เหมือนทหาร ซึ่งหากเป็นตำรวจเมื่อต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล ร.ต.ท.ดวงได้ไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แน่

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ท้องฟ้า

ท้องฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของชั้นบรรยากาศหรืออวกาศที่สามารถมองเห็นได้จากพื้นผิวโลก นก แมลง เครื่องบิน และ ว่าว ถูกจัดว่าบินอยู่ในท้องฟ้า มีหลายเหตุผลที่ทำให้ท้องฟ้านั้นยากที่จะจำกัดความ
ในเวลากลางวันท้องฟ้าปรากฏเป็นพื้นสีฟ้าเนื่องจากอากาศทำให้เกิดการกระเจิงของแสงอาทิตย์ ไม่ใช่เพราะว่ามีวัตถุสีฟ้าเหนือพื้นโลก เพราะเหตุนี้จึงเป็นการยากที่จะนิยามว่าท้องฟ้าคือสิ่งใด ท้องฟ้านั้นบางครั้งถูกจำกัดความว่าเป็นเขตของชั้นบรรยากาศโลกที่มีแก๊สแน่นหนา ในเวลากลางคืน ท้องฟ้านั้นปรากฏเป็นพื้นสีดำสนิท หรือบางครั้งเรียงรายไปด้วยดวงดาว แต่ถ้าเรากล่าวว่าทั้งหมดที่เราเห็นนั้นคือท้องฟ้า ก็จะกลายเป็นว่าท้องฟ้าคือจักรวาลซึ่งผิดจากความหมายแรกเมื่อเราเห็นตอนกลางวัน
ในเวลากลางวัน เราสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ได้ต่อเมื่อไม่มีเมฆบดบัง ในเวลากลางคืน (และบางครั้งในเวลากลางวัน) เราสามารถมองเห็นพระจันทร์ ดาวเคราะห์ และ ดวงดาว ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เราสามารถเห็นได้ในท้องฟ้าคือเมฆ รุ้งกินน้ำ และ ออโรรา สายฟ้าและ หยาดน้ำฟ้านั้น สามารถเห็นได้ในระหว่างเวลาที่มีพายุ บ่อยครั้งเราสามารถมองเห็นหมอกควันในเวลากลางวันและรัศมีของแสงในเวลากลางคืนเนื่องจากมลพิษที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์
ในสายวิชาดาราศาสตร์ ท้องฟ้าถูกเรียกว่าทรงกลมฟ้า นั่นคือทรงกลมจินตภาพขนาดมหึมา หมุนรอบตัวเองโดยมีแกนหมุนและศูนย์กลางร่วมกันกับโลก ทรงกลมฟ้านั้นถูกแบ่งเป็นสัดส่วนเรียกว่ากลุ่มดาว


ไฟล์:Sky with puffy clouds.JPG

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเด็กนักเรียนใช้เก้าอี้ฟาดหน้า

ข่าวเด็กนักเรียนใช้เก้าอี้ฟาดหน้า


จากกรณีที่ สำนักข่าวต่างประเทศได้เผยคลิปเหตุการณ์เด็กนักเรียนไทยใช้เก้าอี้ฟาดใส่หญิงสูงวัยที่แต่งกายคล้ายแม่บ้านบริษัท โดยเกิดขึ้นริมถนนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครนั้น
ล่า สุด ตำรวจจับกุมเยาวชนชายอายุ 17 ปี ก่อเหตุใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดหน้าหญิงสูงอายุ เบื้องต้นรับสารภาพโมโหทวงนาฬิกามูลค่า 15,000 บาท คืนแต่ไม่ยอมให้
พนักงานสอบสวนกองบังคับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ได้เชิญตัวเยาวชนชาย อายุ 17 ปี มาสอบปากคำ หลังปรากฏในคลิป ขณะใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดหน้าหญิงสูงอายุคนหนึ่งเมื่อคืนวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา

เบื้อง ต้นรับสารภาพเป็นบุคคลใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดใส่หญิงสูงอายุ ซึ่งเป็นพนักงานทำความสะอาดห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ยอมคืนนาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อ Armani มูลค่า 15,000 บาท ซึ่งตนทำตกไว้ จึงบันดาลโทสะ ก่อนถูกควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เจ้าของท้องที่สอบปากคำดำเนินการข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ โดยใช้คลิปเป็นหลักฐานสำคัญ
Mthai News

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การเกิดฝนตก

การเกิดฝนตก

  ฝนตกเกิดจาก น้ำโดนความร้อนของแสงจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนอื่นใดที่ใช้ใน การต้มน้ำ จนทำให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อไอน้ำมากขึ้นจะรวมตัวกันเป็นละอองน้ำเล็กๆ ปริมาณของละอองน้ำยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆก็จะรวมตัวกันเป็นเมฆฝน พอมากเข้าอากาศไม่สามารถพยุงละอองน้ำเหล่านี้ต่อไปได้ น้ำก็จะหล่นลงมายังผืนโลกให้เราเรียกขานกันว่าฝนตก วัฏจักรของน้ำที่เกิดขึ้น เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่โลกใบกลมของเราเกิดขึ้นมา และคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆชั่วกัปกัลป์

       ฝนที่ตกลงมานั้นเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของวัฏจักรของ อุทกวิทยา ซึ่งน้ำจากผิวน้ำในมหาสมุทรระเหยกลายเป็นไอ ควบแน่นเป็นละอองน้ำในอากาศ ซึ่งรวมตัวกันเป็นเมฆ และในที่สุดตกลงมาเป็นฝน ไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง ไปสู่ทะเล มหาสมุทร และวนเวียนเช่นนี้เป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุด

       ปริมาณน้ำฝนนั้นวัดโดยใช้ มาตรวัดน้ำฝน โดยเป็นการวัดความลึกของน้ำที่ตกลงมาสะสมบนพื้นผิวเรียบ สามารถวัดได้ละเอียดถึง 0.25 มิลลิเมตร หรือ 0.01 นิ้ว บางครั้งใช้หน่วย ลิตรต่อตารางเมตร (1 L/m? = 1 mm)

       เกิดจากอนุภาคของไอน้ำขนาดต่างๆในก้อนเมฆเมื่อมีขนาดใหญ่ ขึ้นจนไม่สามารถลอยตัวอยู่ในก้อนเมฆได้ก็จะตกลงมาเป็นฝน ฝนจะตกลงมายังพื้นดินได้นั้นจะต้องมีเมฆเกิดในท้องฟ้าก่อน เมฆมีอยู่หลายชนิด มีเมฆบางชนิดเท่านั้นที่ทำให้มีฝนตก เราทราบแล้วว่าไอน้ำจะกลั่นตัวเป็นเมฆก็ต่อเมื่อมีอนุภาคกลั่นตัวเล็กๆอยู่ เป็นจำนวนมากเพียงพอและไอน้ำจะเกาะตัวบนอนุภาคเหล่านี้รวมกันทำให้เกิด เป็นเมฆ เมฆจะกลั่นตัวเป็นน้ำฝนได้ก็ต้องมีอนุภาคแข็งตัว(Freezing nuclei) หรือเม็ดน้ำขนาดใหญ่ซึ่งจะดึงเม็ดน้ำขนาดเล็กมารวมตัว กันจนเป็นเม็ดฝน สภาวะของน้ำที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอาจเป็นลักษณะของฝน,ฝนละอองหิมะหรือลูกเห็บ ซึ่งเรารวมเรียกว่าน้ำฟ้าจะตกลง มาในลักษณะไหนขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศในพื้นที่นั้นๆ น้ำฟ้าต้องเกิดจากเมฆ ไม่มีเมฆไม่มีน้ำฟ้าแต่เมื่อมีเมฆไม่จำเป็นต้องมีน้ำฟ้า เสมอไปเพราะเมฆหลายชนิดที่่ลอยอยู่เฉยๆไม่ตกลงมา มีเมฆบางชนิดเท่านั้นที่ทำให้เกิดน้ำฟ้า

       โดยปกติแล้ว ฝนจะมีค่า pH ต่ำกว่า 6 เล็กน้อย เนื่องมาจากการรับเอาคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเข้ามาซึ่งทำให้ส่งผลเป็นกรดคา ร์บอนิก ในพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายนั้นฝุ่นในอากาศจะมีปริมาณแคลเซียมคาร์บอเนตสูง ซึ่งส่งผลต่อต้านความเป็นกรด ทำให้ฝนนั้นมีค่าเป็นกลาง หรือ แม้กระทั่งเป็นเบส ฝนที่มีค่า pH ต่ำกว่า 5.6 นั้นถึอว่าเป็น ฝนกรด (acid rain)



วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ดิน

ดิน หมายถึง วัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการสลายตัวทางกายภาพ และทางเคมีของหินและแร่ รวมกับสารอินทรีย์ ที่เกิดจากการสลายตัวของซากพืชซากสัตว์เป็นผิวชั้นบนที่หุ้มห่อโลก ซึ่งดินจะมีลักษณะและคุณสมบัติต่างกันไปในที่ต่างๆ ตามสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ วัตถุต้นกำเนิด สิ่งมีชีวิตและระยะเวลาการสร้างตัวของดิน

ประเภทของดิน

ดินเหนียว เป็นดินที่มีเนื้อละเอียด ในสภาพดินแห้งจะแตกออกเป็นก้อนแข็งมาก เมื่อเปียกน้ำแล้วจะมีความยืดหยุ่น สามารถปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้ เหนียวเหนอะหนะติดมือ เป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี แต่สามารถอุ้มน้ำ ดูดยึด และแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้ดี เหมาะที่จะใช้ทำนาปลูกข้าวเพราะเก็บน้ำได้นาน
ดินร่วน เป็นดินที่เนื้อดินค่อนข้างละเอียดนุ่มมือในสภาพดินแห้งจะจับกันเป็นก้อน แข็งพอประมาณ ในสภาพดินชื้นจะยืดหยุ่นได้บ้าง เมื่อสัมผัสหรือคลึงดินจะรู้สึกนุ่มมือแต่อาจจะรู้สึกสากมืออยู่บ้างเล็ก น้อย เมื่อกำดินให้แน่นในฝ่ามือแล้วคลายมือออก ดินจะจับกันเป็นก้อนไม่แตกออกจากกัน เป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง จัดเป็นเนื้อดินที่มีความเหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก
ดินทราย เป็นดินที่มีอนุภาคขนาดทรายเป็นองค์ประกอบอยู่มากกว่าร้อยละ 85 เนื้อดินมีการเกาะตัวกันหลวมๆ มองเห็นเป็นเม็ดเดี่ยวๆ ได้ ถ้าสัมผัสดินที่อยู่ในสภาพแห้งจะรู้สึกสากมือ เมื่อลองกำดินที่แห้งนี้ไว้ในอุ้งมือแล้วคลายมือออกดินก็จะแตกออกจากกันได้ แต่ถ้ากำดินที่อยู่ในสภาพชื้นจะสามารถทำให้เป็นก้อนหลวมๆ ได้ แต่พอสัมผัสจะแตกออกจากกันทันที

ดินทางด้านวิศวกรรม

ดิน เป็นวัสดุก่อสร้างพื้นฐานในงานวิศวกรรมโยธา ใช้เป็นวัสดุถมในงานก่อสร้างต่าง ๆ เช่นงานถมยกระดับบริเวณอาคาร ถนน เขื่อน และใช้เป็นวัสดุผสมสำหรับทำอิฐ ในบางกรณีอาจเพิ่มวัสดุอื่น เช่นปูนขาว เพื่อช่วยในการปรับปรุงคุณภาพดินให้มีคุณสมบัติในการรับกำลังได้มากขึ้น เพื่อผลทางด้านวิศวกรรม บางวัฒนธรรมนำดินมาปั้นเป็นตัวบ้านที่อยู่อาศัยโดยตรง

ดินทางด้านศิลปะ

ดิน เป็นวัสดุทำเครื่องปั้นดินเผา ดินที่นำมาใช้ทำเครื่องปั้นดินเผาเป็นดินเหนียวที่มีเนื้อละเอียด




เอเชีย

เอเชีย เป็นทวีปใหญ่ และมีประชากรมากที่สุดในโลก ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือและตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 8.7 ของผิวโลก (ร้อยละ 30 ของส่วนที่เป็นพื้นดิน) และมีประชากรราว 3,900 ล้านคน หรือร้อยละ 60 ของประชากรมนุษย์ปัจจุบัน ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 20 ประชากรเอเชียเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า[1]
ตามบทนิยามที่เสนอโดยสารานุกรมบริตานิกา[2] และสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟิก[3] เอเชียมีพื้นที่ 4/5 ของทวีปยูเรเซีย โดยมีส่วนตะวันตกของยูเรเซียเป็นทวีปยุโรป เอเชียตั้งอยู่ทางตะวันออกของคลองสุเอซ ตะวันออกของเทือกเขาอูราล และใต้เทือกเขาคอเคซัส (หรือแอ่งคูมา-มานิช) และทะเลสาบแคสเปียนและทะเลดำ พรมแดนตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ใต้ติดมหาสมุทรอินเดีย และเหนือติดมหาสมุทรอาร์กติก มีหนึ่งประเทศตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ ไซปรัส เอเชียเป็นทวีปที่มีความหลากหลายมาก ทั้งกลุ่มเชื้อชาติ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ความผูกพันทางประวัติศาสตร์และระบบรัฐบาล

ลักษณะภูมิประเทศ

เขตที่ราบต่ำภาคเหนือ

เขตนี้มีลักษณะเป็นที่ราบขนาดใหญ่ระหว่างแม่น้ำอ็อบกับแม่น้ำเยนีเซย์เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ที่ราบไซบีเรียตะวันตก มีลำน้ำสาขาซึ่งเกิดจากการละลายของน้ำแข็งและหิมะที่ปกคลุมบริเวณดังกล่าว ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ลำน้ำนี้จะแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง การสัญจรทางน้ำหรือการคมนาคมทางน้ำจึงไม่สะดวก ลำน้ำและพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้น้อยมาก ดังนั้น บริเวณนี้จึงเป็นบริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบางมาก

เขตภูเขาและที่ราบสูง (หินใหม่)

กระจายตัวออกไป 3 ทาง คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงใต้ จากยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกบางส่วนยาวไปถึงประเทศตุรกีซึ่งอยู่บนคาบสมุทรอานาโตเลีย

เขตที่ราบสูงเก่า

ที่ราบสูงเก่าของทวีปเอเชียมีโครงสร้างทางธรณีวิทยาเป็นแผ่นดินหินของ เปลือกโลกที่มีอายุเก่าแก่ ประกอบด้วยที่ราบสูงเดกกัน (Deccan Plateau) ในคาบสมุทรอินเดีย และที่ราบสูงอาหรับ (Arabian Plateau) ในคาบสมุทรอาหรับ ลักษณะของที่ราบสูงทั้งสองมีดังนี้
  • ที่ราบสูงเดกกัน เกิดจากการที่แผ่นดินส่วนหนึ่งจากทวีปแอนตาร์กติกาเคลื่อน ตัวมาชนกับแผ่นทวีปเอเชียจนทำให้เกิดเป็นภูเขาขึ้นมาทางด้านแนวชนที่เกิด ขึ้น จากตะกอนทะเลทำให้เกิดเป็นเทือกเขาหินสูงตระหง่านที่ชื่อ "หิมาลัย"
  • ที่ราบสูงอาหรับ เกิดจากการที่หินใต้เปลือกโลกเคลื่อนตัว ทำให้เกิดแนวหุบเหวลึกจนกลายเป็นทะเลแดงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังปรากฏภูมิประเทศแบบทะเลทรายในคาบสมุทรอาหรับ โดยเฉพาะในดินแดนของประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น

เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำ

แม่น้ำแยงซี เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในทวีปเอเชีย
ทวีปเอเชียมีที่ราบลุ่มแม่น้ำหลายสาย ซึ่งแม่น้ำบางสาย เช่น แม่น้ำหวางเหอ (แม่น้ำเหลือง) แม่น้ำคงคา แม่น้ำสินธุ และแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีส เคยเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ ปัจจุบัน แม่น้ำเหล่านี้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานที่สำคัญและเป็นเมืองใหญ่ ดินบริเวณนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีตะกอนที่แม่น้ำพัดพาไปทับถมจึงเป็นดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก จึงมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น แม่น้ำที่สำคัญของทวีปเอเชีย ได้แก่

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เบนซินขึ้นอีก50สต. มีผลวันนี้ (21 ก.ค.)


ส่วนโซฮอลล์-ดีเซลคงเดิม
มจ.ปตท.(PTT) -บางจาก ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกเฉพาะน้ำมันเบนซิน 91 อีก 50 สตางค์/ลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์และดีเซลยังคงเดิม โดยจะมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันนี้(21 ก.ค.) เป็นต้นไป
ทั้งนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันของ ปตท.ในสถานีบริการน้ำมันเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 43.05 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 37.73 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 35.98 บาท, E20 ลิตรละ 34.08 บาท, E85 ลิตรละ 21.98 บาท และดีเซล ลิตรละ 29.63 บาท

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เผยวิกฤติน้ำท่วมโลก เกิดจากแกนโลกสลับขั้ว


แผนที่โลกใหม่ หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
โลกอาจถึงจุดวิกฤติ เหตุน้ำท่วมโลกปี 2012 อาจเกิดขึ้นจริง เนื่องจากแกนโลกสลับขั้ว โลกจะร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย

          ช่วง นี้ดูเหมือนว่าภัยพิบัติต่าง ๆ จะถาโถมมาสู่โลกอย่างต่อเนื่อง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยเรา คงจะเห็นกันแล้วว่า วิกฤตน้ำท่วมที่เกิดขึ้นนับเป็นมหันตภัยที่ร้ายแรงที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิด ขึ้นมาก่อน ซึ่งทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตและทรัพย์สินอย่างประมาณค่ามิได้ จนหลายคนคงจะคิดว่าใกล้ถึงเวลาที่น้ำจะท่วมโลกในปี 2012 จริง ๆ อย่างที่ทำนายไว้แล้ว!!!

          ทั้งนี้ กลุ่มผู้เชื่อในเรื่อง "วันน้ำท่วมโลก" อ้างอิงข้อมูลวิทยาศาสตร์ว่า ธารน้ำแข็งบริเวณหมู่เกาะกรีนแลนด์ ซึ่งตั้งในมหาสมุทรอาร์กติกทางเหนือกำลังละลาย ด้วยพื้นที่กว่า 2.2 ล้านตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) มีน้ำแข็งกว่า 19 ร้อยล้านตัน น้ำแข็งกำลังละลายเป็นน้ำวันละ 1 ล้านตัน โดยจะไหลลงมาสะสมจนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในปี 2012

          ในขณะเดียวกัน คำทำนายจากกลุ่มนักวิจัยอวกาศก็กล่าวเช่นเดียวกันว่า หายนะน้ำท่วมทั่วโลกอาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากองค์การนาซา ได้คำนวณโดยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอาไว้ว่า "วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว" หมายถึง ขั้วโลกเหนือจะพลิกมาอยู่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้นโลกจะไม่มีพลังสนามแม่เหล็กออกมาป้องกันรังสีต่าง ๆ ทำให้พลังความร้อนสูง หรือ "เปลวสุริยะ" (solar flare) จากดวงอาทิตย์พุ่งตรงมายังโลก ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน

          ด้าน สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซา ได้กล่าวถึงวิกฤตน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเอาไว้ว่า ปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะมีการเตือนภัยมานานกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากระหว่างที่แกนโลกเคลื่อนตัวพลิกกลับขั้วจากเหนือไปใต้นั้น ส่งผลให้พลังสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลง แกนโลกเอียงจาก 23.5 องศาเป็น 24.5 องศา ภาวะแปรปรวนของจักรวาลทำให้โลกร้อนระอุอย่างรวดเร็ว น้ำแข็งจากทั่วโลกละลายเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะเกิดพายุลมมรสุมและภัยธรรมชาติด้านต่าง ๆ

          อย่างไรก็ตาม ก็มีนักวิทยาศาสตร์ไทยบางกลุ่มที่ไม่ปักใจเชื่อเรื่องน้ำท่วมโลกดังกล่าว เนื่องจากพวกเขาวิเคราะห์ว่า น้ำท่วมประเทศไทยหนักขึ้นทุกปี สาเหตุหลักเกิดจาก

          1. พื้นที่ชายฝั่งทะเลไทยหายไปปีละประมาณ 10 เมตร และพื้นดินเป็นดินอ่อนมีการทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา อีก 40 ปีข้างหน้าจะทรุดต่ำลงไปอีกประมาณ 30 เซนติเมตรทำให้น้ำท่วมง่าย

          2. ผลจากภาวะโลกร้อนเมื่อน้ำฝนเพิ่มมากขึ้นการระบายน้ำจึงไม่ทัน ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ตามแนวชายฝั่งมักจะมีการสร้างตึกสูงหรือสิ่งก่อสร้าง ขวางทางน้ำไหล ทำให้ไม่มีช่องทางระบายน้ำออก

          ดังนั้น ปกติพื้นที่กรุงเทพฯ รับปริมาณน้ำฝนไหลผ่านได้ไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ปี 2554 มีน้ำไหลผ่าน 4,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมอย่างหนัก



นายกอร์ดอน ไมเคิล สคัลเลียน


[15 สิงหาคม] แผนที่โลกใหม่ หลังน้ำท่วมโลก เป็นไปได้จริงหรือ?


          เรื่องที่กลายเป็นประเด็นสาธารณะ และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางที่สุดใน พ.ศ.นี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "น้ำท่วมโลก" ที่จะกลายเป็น "วันสิ้นโลก" ตามที่มีผู้เคยทำนายทายทักไว้ว่า จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ.2012 ผนวกกับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มนุษย์โลกได้เผชิญกับสัญญาณเตือนภัยจากธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ๆ ก็ยิ่งทำให้คนตื่นตระหนกกับ "วันสิ้นโลก" มากขึ้นเป็นเท่าตัว ฉะนั้น แล้ว จึงไม่แปลก หากคนจะกลับมาพูดถึงเรื่อง "แผนที่โลกใหม่" (Future Map of the World) ที่เคยมีผู้ทำนายเอาไว้ล่วงหน้า ว่าจะเหลือประเทศใดบ้างหลังผ่านเหตุการณ์ภัยพิบัติของโลก ในปี ค.ศ.2012 ไปแล้ว

          และผู้ที่ทำนายเรื่อง "แผนที่โลกใหม่" ไว้ก็คือ นายกอร์ดอน ไมเคิล สคัลเลียน ชายชาวอเมริกัน ซึ่ง เคยเกือบเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับฟื้นขึ้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลังจากนั้น เขาก็อ้างว่าได้รับพรสวรรค์เรื่องการหยั่งรู้อนาคต และยังเคยทำนายเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ถูกต้องหลายครั้ง เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอสแองเจอลิส แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 22 เมษายน ค.ศ.1992 (พ.ศ.2535), เหตุการณ์แผ่นดินไหวในแลนเดอร์ส (Landers) และ บิ๊กแบร์ (Big Bear) แคลิฟอร์เนีย เมื่อ 17 มกราคม ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) รวมทั้งแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ.1995 (พ.ศ.2538) เป็นต้น

          สำหรับเรื่อง "น้ำท่วมโลก" นั้น นายกอร์ดอน บอกว่า ตนได้มองเห็นตัวเองอยู่สูงขึ้นไปในอวกาศ แล้วมองกลับลงมาบนโลกเห็นแผนที่ใหม่ของโลก จนเมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปี เขาก็ยังเห็นภาพเดิม ๆ อีก จึงได้สร้างแผนที่โลกใหม่ หรือ Future Map Of The World ขึ้นมา เมื่อปี ค.ศ.1978 (พ.ศ.2521) และจัดพิมพ์ในปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) โดยระบุว่า จะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติใหญ่ ๆ ในโลกระหว่างปี ค.ศ.1998-2012 (พ.ศ.2541-2555) ทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด รวมไปถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลก จนทำให้หลายประเทศหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเทศที่เป็นเกาะอยู่แล้วจะจมน้ำทั้งหมด และมีประชากรหลงเหลือเพียงแค่ 10% เท่านั้น

          และเมื่อพิจารณา "แผนที่โลกใหม่" ของนายกอร์ดอนแล้ว จะเห็นได้ว่า แต่ละทวีปเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดย

ทวีปเอเซีย หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปเอเซีย หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปเอเชีย

          ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะอยู่ในแนว "วงแหวนแห่งไฟ" และเขตรอยต่อของเปลือกโลก นายกอร์ดอน ทำนายไว้ว่า จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่ประเทศฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ไล่ขึ้นไปถึงทะเลแบริ่งที่เป็นช่องแคบอยู่ระหว่างรัฐอะแลสกา กับประเทศรัสเซีย ทำให้เกาะของประเทศญี่ปุ่นจมทั้งหมด เหลือเพียง 2-3 เกาะเล็ก ๆ เท่านั้น เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ที่จะถูกน้ำกลืนไปทั้งหมด

          ส่วนไต้หวัน และเกาหลีส่วนใหญ่จะจมหายไปในทะเลด้วย ขณะที่แนวฝั่งของประเทศจีนจะเลื่อนเข้าไปในแผ่นดินอีกหลายร้อยไมล์ ด้านอินโดนีเซียจะเกิดเกาะใหม่ ๆ ขึ้นมา แต่เกาะที่มีอยู่ก่อนหน้าก็จะจมหายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากแผ่นเปลือกโลกที่เคลื่อนตัว ทำให้เกิดการมุดตัว  ยกตัวของแผ่นดิน

          สำหรับประเทศไทย นายกอร์ดอน ทำนายไว้ว่า จะเหลือเพียงแค่ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน และภาคกลางตอนบนเท่านั้น จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย ตาก จะกลายเป็นชายฝั่งทะเล ขณะที่จังหวัดที่ติดกับแม่น้ำโขง คือ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม หนองคาย จะจมทะเลไปหมด และแม่น้ำโขงจะเปลี่ยนเป็นทะเลไปด้วย

          ขณะที่ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก ภาคใต้ รวมทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ จะถูกน้ำท่วมจมหายไปจนหมดเช่นกัน

ทวีปออสเตรเลีย หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปออสเตรเลีย หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปออสเตรเลีย

          ประเทศออสเตรเลียจะสูญเสียแผ่นดินไปประมาณ 25% เพราะน้ำท่วมชายฝั่งเกือลหมด และจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาที่นอกชายฝั่งที่บริเวณช่องแคบบาสส์เชื่อมกับเกาะ ทาสเมเนีย ส่วนประเทศนิวซีแลนด์ จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะเกิดจากการยกตัวของแผ่นดินที่เป็นผลมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ และมีแผ่นดินบางส่วนเชื่อมต่อกับประเทศออสเตรเลียด้วย

ทวีปยุโรป หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปยุโรป หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปยุโรป

          ประเทศฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์กจะถูกน้ำท่วม เหลือเพียงเกาะเล็ก ๆ น้อย ๆ นับร้อยเกาะ ขณะที่สหราชอาณาจักร ตั้งแต่สกอตแลนด์จนถึงช่องแคบจะจมหายไปในทะเลทั้งหมด เหลือเพียง 2-3 เกาะเล็ก ๆ เท่านั้น

          ประเทศรัสเซียจะแยกตัวออกจากทวีปยุโรป เพราะทะเลสาบแคสเปียน ทะเลดำ ทะเลคารา ทะเลบอสติก จะมารวมเข้าไว้ด้วยกัน กลายเป็นทะเลขนาดใหญ่แห่งใหม่ ถูกแบ่งด้วยเทือกเขาอูราล ยาวไปถึงแม่น้ำเยนิเซในไซบีเรีย ตรงนี้อุณหภูมิจะอบอุ่นขึ้น กลายเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในอนาคต

          ประเทศบัลแกเรีย และโรมาเนียจะจมอยู่ใต้น้ำ เพราะทะเลดำขยายตัวไปรวมกับทะเลทางตอนเหนือ ประเทศฝรั่งเศสจมน้ำทั้งหมด เหลือแค่เกาะในกรุงปารีส และเกิดทางน้ำใหม่แยกประเทศสวิตเซอร์แลนด์ออกจากประเทศฝรั่งเศส ส่วนประเทศอิตาลี ซึ่งมีพื้นที่ต่ำอยู่แล้วจะจมน้ำทั้งหมด ยกเว้นนครรัฐวาติกันที่อยู่ที่สูงจะปลอดภัย และแผ่นดินสูง ๆ จะกลายเป็นเกาะ เกิดแผ่นดินใหม่ทอดยาวจากเกาะซิซิลิไปจนถึงเกาะซาร์ดิเนีย

          นอกจากนี้ นายกอร์ดอน ยังทำนายด้วยว่า จะเกิดสงครามศาสนาในดินแดนโปแลนด์ เรื่อยไปถึงตุรกี แต่สงครามจะยุติลงด้วยความบริสุทธิ์ของแผ่นดินโดยไฟและน้ำ ขณะที่ตุรกีด้านตะวันตกจะจมอยู่ในน้ำ เกิดแนวชายฝั่งใหม่จากเมืองอีสตันบูลถึงไซปรัส ส่วนใหญ่ของสมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่สองจมลงสู่ใต้ทะเล ก่อให้เกิดเกาะเล็ก ๆ ขึ้น

ทวีปแอฟฟริกา หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปแอฟริกา หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปแอฟริกา

          ทวีปแอฟริกาจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยมีแม่น้ำไนล์ซึ่งกว้างกว่าเดิมมากเป็นตัวแบ่งเขต โดยแม่น้ำไนล์นี้ จะวางอยู่ในรูปตัว Y ของกลางทวีป และไหลผ่านเส้นทางใหม่ คือ ไหลจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตรงปากแม่น้ำไนล์ ผ่านประเทศซูดาน และมีต้นกำเนิดแม่น้ำอยู่ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้

          ขณะที่ทะเลแดง ซึ่งอยู่ตอนเหนือของทวีปจะขยายกว้างขึ้น ทำให้กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ และเกาะมาดากัสการ์เกือบทั้งหมดจมลงสู่ทะเล ทะเลสาบวิคทอเรียจะรวมเข้ากับทะเลสาบนยาซาไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดีย

          นอกจากนี้ ยังมีแผ่นดินใหม่เกิดขึ้นในทะเลอาหรับ บริเวณตอนใต้ของประเทศโอมาน และยังมีแผ่นดินขนาดใหญ่เกิดขึ้นบริเวณทางเหนือและตะวันตกของเมืองเคปทาวน์ ด้วย


ทวีปอเมริกาเหนือ

          อ่าวฮัดสันในประเทศแคนาดาจะขยายตัวออกกลายเป็นทะเลปิดในประเทศ พื้นดินบริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือจะต้องถอยร่นเข้ามาในแผ่นดินอีก 200 ไมล์ เพราะพื้นที่เก่าถูกน้ำท่วมไปจนหมด ส่วนชาวเมืองที่อาศัยแถบบริติชโคลัมเบีย และอะแลสกา จะต้องอพยพมาอยู่ในควิเบก ออนตาริโอ มานิโตบา ซาสแกนเซวัน แอลเบอร์ตา จะกลายเป็นศูนย์กลางผู้ที่รอดพ้นหายนะระหว่างการเปลี่ยนแปลงในตอนต้น

          ส่วนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นที่แรกของโลก โดยแผ่นทวีปอเมริกาเหนือจะเกิดการโก่งตัว เกิดหมู่เกาะแคลิฟอร์เนียขึ้นอีก 150 เกาะ ต่อมาแผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่งที่มุดตัวลงไปใต้อีกแผ่นหนึ่ง จะทำให้เกิดแนวโก่งตัวและรอยแยก นำไปสู่อุทกภัย ทำให้ ฝั่งทะเลด้านตะวันตกหดลงไปทางตะวันออกสู่รัฐเนเบรสกา ไวโอมิง และโคโลราโด ส่วนทะเลสาบ เกรทเลค (ประกอบด้วยทะเลสาบสุพิเรีย, ฮูรอน, มิชิแกน, อิรี และออนแตริโอ) และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์จะเชื่อมต่อเข้ากับแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ไหลลงสู่อ่าว

          ขณะที่ประเทศเม็กซิโก น้ำจะท่วมจากชายฝั่งเข้ามาในแผ่นดิน ทำให้คาบสมุทรแคลิฟอร์เนียกลายเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ พื้นที่ส่วนใหญ่ของยูคาทาน พีนิซูลาจะหายไปในทะเล และจะเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ต่อเนื่องยาวนานถึง 25 ศตวรรษ

          ประเทศในอเมริกากลางและแคริบเบียนจะเกิดอุทกภัย จำนวนเกาะลดลง จะมีเส้นทางน้ำใหม่เกิดขึ้นจากอ่าวฮอนดูรัสไปออกที่เอลซัลวาดอร์ ส่วนคลองปานามาจะกลายเป็นคลองตัน


ทวีปอเมริกาใต้

          เนื่องจากมีหลายประเทศอยู่ในพื้นที่ "วงแหวนแห่งไฟ" ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทวีปอเมริกาใต้มากไม่แพ้ทวีปเอเชีย โดยจะเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดในประเทศเวเนซุเอลา โคลัมเบีย และบราซิล จะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในลุ่มน้ำอะเมซอนที่ประเทศเปรู และโบลิเวีย กลายเป็นทะเลในภายในทวีป ส่วนประเทศซานวาดอร์ เซาเปาโล ริโอดอร์จาเนโร และบางส่วนของ อุรุกวัย จะจมหายไปในทะเล

          ส่วนเมืองซัลวาดอร์ เซาเปาโล ริโอเดอร์จาเนโร ของประเทศบราซิล และบางส่วนของประเทศอุรุกวัยจะจมหายไปในทะเล ขณะที่ประเทศอาร์เจนตินาจะเกิดทะเลปิดขึ้นในตอนกลางของประเทศ และยังเกิดแผ่นดินขนาดใหญ่ทางตะวันตกของทวีป บริเวณประเทศชิลี รวมทั้งเกิดทะเลปิดขึ้นในบริเวณนั้นอีกแห่งด้วย

          ดูจากคำทำนายของนายกอร์ดอนที่ระบุไว้เป็น "แผนที่โลกใหม่" นี้ ก็คงต้องยอมรับว่า หากเป็นจริงคงจะน่ากลัวไม่น้อย แต่ ณ วันนี้ เราก็ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะนี่เป็นเพียงคำทำนายเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว โปรดใช้ดุลพินิจในการไตร่ตรองคำทำนายต่าง ๆ จะดีที่สุดค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นักวิทยาศาสตร์ เผยโลกอาจเห็น ดวงอาทิตย์ 2 ดวง เร็ว ๆ นี้

เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์เผยโลกอาจจะเกิดปรากฎการณ์พระอาทิตย์สองดวงขึ้นในเร็ว ๆ นี้ หลังจากมีการตรวจสอบพบว่า ดาวบีเทลจุสกำลังจะระเบิด ซึ่งทำให้ชาวโลกได้เห็นแสงของมันสว่างเท่ากับดวงอาทิตย์ กินเวลานานประมาณ 1-2 สัปดาห์
ดวงอาทิตย์
โดย แบรด คาร์เตอร์ อาจารย์ฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น ควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมาว่า ดาวบีเทลจุส (Betelgeuse) ดาวซูเปอร์ยักษ์แดงนอกระบบสุริยะที่มีขนาดเทียบเท่ากับดวงอาทิตย์ 1.6 พันล้านดวง อยู่ห่างจากโลกไปกว่า 640 ปีแสง กำลังจะหมดอายุขัยและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ หรือ “ซูเปอร์โนวา” ขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยการระเบิดของบีเทลจุสนี้ จะทำให้ชาวโลกได้เห็นแสงสว่างของมันใหญ่เท่ากับดวงอาทิตย์อยู่บนฟ้า และเปล่งแสงสว่างจ้าทั้งยามกลางวันและกลางคืน เป็นเวลายาวนานกว่า 1-2 สัปดาห์ ก่อนจะค่อย ๆ หรี่แสงและดับลงในที่สุด โดยกินเวลาอยู่อีกหลายเดือนกว่าจะดับลง แต่ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับโลก นอกจากการมองเห็นแสงสว่าง เป็นดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 เท่านั้น
แบรด คาร์เตอร์ เปิดเผยอีกว่า การระเบิดครั้งใหญ่ของมันครั้งนี้ ถือว่าเป็นซูเปอร์โนวาครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่กำเนิดโลกมาเลยทีเดียว เพราะมันเป็นดาวยักษ์ใหญ่แดงที่มีขนาดใหญ่มาก และเปล่งแสงมากกว่าดวงอาทิตย์กว่าแสนเท่า ดังนั้น เมื่อมีการระเบิดอย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้แสงสว่างจากการระเบิดของมันเปล่งไปถึงระบบสุริยะอื่นที่อยู่ ห่างออกไปเป็นพันปีแสงได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ได้มีการคาดคะเนจากนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน เกี่ยวกับการเกิดซูเปอร์โนวาของดาวบีเทลจุสนี้ แต่ไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าซูเปอร์โนวาครั้งใหญ่ที่สุดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อ ใด อาจในเร็ว ๆ นี้ หรือคลาดเคลื่อนไปจากการคาดคะเนกว่าพันปี ล้านปี ไม่มีใครรู้ แต่จากการสังเกตจากนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ พบว่า จากภาพที่เห็นบนโลกในขณะนี้ ดาวบีเทลจุสใกล้จะสิ้นอายุขัยเต็มที และอาจเป็นไปได้ว่า ดาวบีเทลจุสอาจจะระเบิดไปหลายร้อยปีแล้ว แต่แสงที่เกิดจากการระเบิดนั้นยังไม่เดินทางมายังโลกเท่านั้น และหากมันระเบิดขึ้นและแสงของมันเดินทางมาถึงโลกเมื่อไร ก็จะกลายเป็นปรากฎการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ดาวบีเทลจุส เป็นดาวซูเปอร์ยักษ์แดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในทุกค่ำคืน มีแสงสว่างเป็นลำดับที่ 9 บนฟ้า และเป็นดาวที่สว่างเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มดาวนายพราน เปล่งแสงสว่างไม่คงที่ในแต่ละปี โดยจะค่อย ๆ สว่างมากที่สุดและจางลงเรื่อย ๆ ก่อนกลับมาสว่างจ้าอีกครั้งทุก ๆ 5.8 ปี
ส่วนอายุของดาวบีเทลจุสนั้น นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่ามันน่าจะมีอายุประมาณ 10 ล้านปีเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงอายุที่ใกล้จะถึงจุดจบของมันเต็มที เพราะโดยปกติแล้วดาวดวงใหญ่ ๆ นี้จะมีอายุขัยสั้นกว่าดาวดวงเล็ก ๆ มาก เนื่องจากเป็นดาวขนาดมหึมาที่มีมวลมาก สว่างมาก และมีอุณหภูมิสูงมาก จึงมีการใช้พลังงานมากกว่าและไฮโดรเจนภายในก็จะหมดไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมันเกิดการระเบิด แรงระเบิดของมันจะขับไล่ดวงดาวและวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ให้กระเด็นออกไปด้วยความเร็วแสง เกิดคลื่นกระแทกระหว่างดาวอย่างรุนแรง ซึ่งการแพร่กระจายของคลื่นกระแทกจากการระเบิดนี้ สามารถทำให้เกิดดวงดาวน้อยใหญ่ดวงใหม่ ๆ ได้อีกมากมายเลยทีเดียว

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จับ! หนุ่มไอ้จ้อนใหญ่ ถูกกักที่สนามบิน จนท.คิดว่าซุกซ่อนวัตถุอันตรายทางชีวภาพ



จับ! หนุ่มไอ้จ้อนใหญ่ ถูกกักที่สนามบิน จนท.คิดว่าซุกซ่อนวัตถุอันตรายทางชีวภาพ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หนุ่มชาวนิวยอร์กรายหนึ่งถูกกักตัวที่สนามบินซานฟรานซิลโก หลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นความผิดปกติที่เป้ากางเกง หวั่นพกพาระเบิดหรือวัตถุผิดกฎหมาย
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ นาย โจนาห์ ฟัลคอน ชายอายุ 41 ปี ชาวเมืองนิวยอร์ก ถูกเจ้าหน้าหน่วยงานด้านความปลอดภัยด้านการขนส่งสหรัฐฯ (ทีเอสเอ) กักตัวที่ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก หลังจากที่เห็นเป้ากางเกงของเขานูนตุงกว่าปกติ เกรงซุกซ่อนของผิดกฎหมายไว้ภายใน ซึ่งอาจเป็นระเบิด หรือวัตถุอันตรายทางชีวภาพ
ทั้งนี้ ฟัลคอน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายหนึ่ง ถามผมว่ากระเป๋ากางเกงไม่มีอะไรใช่ไหม ผมตอบว่าใช่ นั่นมันไอ้หนูของผม เขาตรวจสอบให้แน่ใจด้วยการใช้มือเปล่าตบเบาๆ รอบๆ น้องชายของผม และโรยผงแป้งสีขาว เพื่อตรวจหาระเบิดด้วย ผมขำมาก” และยังพาผมไปเอ็กซเรย์ร่างกายอีกด้วยด้วย
สำหรับ ฟัลคอน เขากลายเป็นที่รู้จักในสหรัฐฯตั้งแต่ปี 1999 เนื่องจากมีอวัยวะเพศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ราว 9 นิ้ว และ 13.5 นิ้วเมื่อแข็งตัวเต็ม ซึ่งปัจจุบันเขามีอาชีพเป็นนักรีวิวเกมคอมพิวเตอร์ทั่วไป

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ดาวเทียม


ดาวเทียม (อังกฤษSatellite) คือ สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้น ที่สามารถโคจรรอบโลก โดยอาศัยแรงดึงดูดของโลก ส่งผลให้สามารถโคจรรอบโลกได้ในลักษณะเดียวกันกับที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก และโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ วัตถุประสงค์ของสิ่งประดิษฐ์นี้เพื่อใช้ ทางการทหาร การสื่อสาร การรายงานสภาพอากาศ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เช่นการสำรวจทางธรณีวิทยาสังเกตการณ์สภาพของอวกาศ โลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวอื่นๆ รวมถึงการสังเกตวัตถุ และดวงดาว ดาราจักร ต่างๆ

เนื้อหา

  [ซ่อน

[แก้]ประวัติ

ตั้งแต่โลกเราได้มีการประดิษฐ์คิดค้นดาวเทียมขึ้นมาใช้งาน ก็ทำให้โลกเกิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาอำนวยประโยชน์ให้มนุษย์อย่างมากมาย หลายองค์กรและหลายๆ ประเทศต่างมีการเข้าร่วมกันแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ชาติ

[แก้]ดาวเทียมก่อนทศวรรษที่ 60

ดาวเทียมได้ถูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลกครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2500 ดาวเทียมดังกล่าวมีชื่อว่า สปุตนิก (Sputnik) โดยรัสเซียเป็นผู้ส่งขึ้นไปโคจร สปุตนิกทำหน้าที่ตรวจสอบการแผ่รังสีของชั้นบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟีย ในปี พ.ศ. 2501 สหรัฐอเมริกาได้ส่งดาวเทียมขึ้นไปโคจรบ้างมีชื่อว่า "Explorer" ทำให้รัสเซียและสหรัฐเป็น 2 ประเทศผู้นำทางด้านการสำรวจทางอวกาศ และการแข่งขันกันระหว่างทั้งคู่ได้เริ่มขึ้นในเวลาต่อมา

[แก้]ดาวเทียมในทศวรรษที่ 60

ช่วงทศวรรษนี้เป็นช่วงการเฟื่องฟูของดาวเทียมสำหรับมนุษยชาติ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1960 สหรัฐได้ส่งดาวเทียม Echo 1 ขึ้นไปทำหน้าที่ในการสะท้อนคลื่นวิทยุสู่โลกได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้เชื่อได้ว่าการสื่อสารผ่านดาวเทียมเป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้ซึ่งก่อนหน้านั้น ในเดือนเมษายนปีเดียวกัน สหรัฐก็ได้ส่งดาวเทียม TIROS 1 ขึ้นไปสู่อวกาศ ดาวเทียม TIROS 1 เป็นดาวเทียมสำรวจสภาพอากาศดวงแรกที่ได้ส่งภาพถ่ายกลุ่มเมฆหมอกกลับมายังโลก จากนั้นกองทัพเรือสหรัฐได้พัฒนาดาวเทียมหาตำแหน่งดวงแรกที่ได้ถูกส่งขึ้นไปโคจรในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1960 และหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้พัฒนาดาวเทียมเป็นจำนวนมากกว่า 100 ดวงถูกส่งขึ้นไปโคจรแทนที่กันในแต่ละปี

[แก้]ดาวเทียมในทศวรรษที่ 75

ช่วงทศวรรษที่ 75 ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้นในโลกของดาวเทียม อุปกรณ์และเครื่องมือใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมได้ถูกนำมาใช้ ชิ้นส่วนอุปกรณ์เหล่านั้นล้วนถูกทำขึ้นมาจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและก่อสร้างดาวเทียม

[แก้]ดาวเทียมในทศวรรษที่ 80

ช่วงทศวรรษที่ 80 ดาวเทียมได้ถูกนำมาใช้ในการช่วยเหลือมนุษย์มากขึ้น ในเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2525 Palapa B-2 ซึ่งเป็นดาวเทียมเพื่อการช่วยเหลือมนุษย์ดวงแรกที่ถูกส่งขึ้นไปโดยบรรทุกไปกับกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์(ยานอะพอลโล11)

[แก้]ดาวเทียมในทศวรรษที่ 90

ในช่วงทศวรรษที่ 90 ดาวเทียมถูกใช้งานไปอย่างกว้างขวาง ไม่เว้นแม้แต่งานธรรมดาทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น บริษัท TRW Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนธรรมดา ก็ได้มีการวางแผนที่จะสร้างระบบดาวเทียมที่ครอบคลุมเครือข่าย ข่ายการสื่อสารผ่านดาวเทียม ระบบนี้เรียกว่า "Odyssey" ซึ่งได้ถูกใช้ในธุรกิจโทรคมนาคม ดาวเทียมของ TRW จะเน้นให้บริการในเขตพื้นที่สำคัญๆ เหมือนกับว่ามันได้ครอบคลุมโลกทุกส่วนไว้เป็นหนึ่งเดียว ฉะนั้น บริษัทจึงคาดหวังว่าจะสร้างกำไรงามๆ จากธุรกิจดาวเทียมโทรคมนาคม เหล่านี้เป็นวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นและถูกพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอยู่ตลอดเวลา

[แก้]ดาวเทียมหลังทศวรรษที่ 90

หลังทศวรรษที่ 90 จนถึงศตวรรษที่ 21 ดาวเทียมยังคงถูกพัฒนาประสิทธิภาพ และขีดความสามารถต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนก้าวไปสู่ระบบอุตสาหกรรมดาวเทียม

[แก้]ส่วนประกอบดาวเทียม

ดาวเทียมเป็นเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน มีส่วนประกอบหลายๆ อย่างประกอบเข้าด้วยกันและสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ สามารถโคจรรอบโลกด้วยความเร็วที่สูงพอที่จะหนีจากแรงดึงดูดของโลกได้ การสร้างดาวเทียมนั้นมีความพยายามออกแบบให้ชิ้นส่วนต่างๆ ทำงานได้อย่างประสิทธิภาพมากที่สุด และราคาไม่แพงมาก ดาวเทียมประกอบด้วยส่วนประกอบเป็นจำนวนมาก แต่ละส่วนจะมีระบบควบคุมการทำงานแยกย่อยกันไป และมีอุปกรณ์เพื่อควบคุมให้ระบบต่างๆ ทำงานร่วมกัน โดยองค์ประกอบส่วนใหญ่ของดาวเทียมประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
  1. โครงสร้างดาวเทียม เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก โครงจะมีน้ำหนักประมาณ 15 - 25% ของน้ำหนักรวม ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเลือกวัสดุที่มีน้ำหนักเบา และต้องไม่เกิดการสั่นมากเกินที่กำหนด หากได้รับสัญญาณที่มีความถี่ หรือความสูงของคลื่นมากๆ (amptitude)
  2. ระบบเครื่องยนต์ ซึ่งเรียกว่า "aerospike" อาศัยหลักการทำงานคล้ายกับเครื่องอัดอากาศ และปล่อยออกทางปลายท่อ ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำงานได้ดีในสภาพสุญญากาศ ซึ่งต้องพิจารณาถึงน้ำหนักบรรทุกของดาวเทียมด้วย
  3. ระบบพลังงาน ทำหน้าที่ผลิตพลังงาน และกักเก็บไว้เพื่อแจกจ่ายไปยังระบบไฟฟ้าของดาวเทียม โดยมีแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ไว้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ให้ดาวเทียม แต่ในบางกรณีอาจใช้พลังงานนิวเคลียร์แทน
  4. ระบบควบคุมและบังคับ ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ที่เก็บรวมรวมข้อมูล และประมวลผลคำสั่งต่างๆ ที่ได้รับจากส่วนควบคุมบนโลก โดยมีอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ (Radar System) เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร
  5. ระบบสื่อสารและนำทาง มีอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ซึ่งจะทำงาน โดยแผงวงจรควบคุมอัตโนมัติ
  6. อุปกรณ์ควบคุมระดับความสูง เพื่อรักษาระดับความสูงให้สัมพันธ์กันระหว่างพื้นโลก และดวงอาทิตย์ หรือเพื่อรักษาระดับให้ดาวเทียมสามารถโคจรอยู่ได้
  7. เครื่องมือบอกตำแหน่ง เพื่อกำหนดการเคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังมีส่วนย่อยๆ อีกบางส่วนที่จะทำงานหลังจาก ได้รับการกระตุ้นบางอย่าง เช่น ทำงานเมื่อได้รับสัญญาณ สะท้อนจากวัตถุบางชนิด หรือทำงานเมื่อได้รับลำแสงรังสี ฯลฯ
ชิ้นส่วนต่างๆ ของดาวเทียมได้ถูกทดสอบอย่างละเอียด ส่วนประกอบต่างๆ ถูกออกแบบสร้าง และทดสอบใช้งานอย่างอิสระ ส่วนต่างๆ ได้ถูกนำมาประกอบเข้าด้วยกัน และทดสอบอย่างละเอียดครั้งภายใต้สภาวะที่เสมือนอยู่ในอวกาศก่อนที่มัน จะถูกปล่อยขึ้นไปในวงโคจร ดาวเทียมจำนวนไม่น้อยที่ต้องนำมาปรับปรุงอีกเล็กน้อย ก่อนที่พวกมันจะสามารถทำงานได้ เพราะว่าหากปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรแล้ว เราจะไม่สามารถปรับปรุงอะไรได้ และดาวเทียมต้องทำงานอีกเป็นระยะเวลานาน ดาวเทียมส่วนมากจะถูกนำขึ้นไปพร้อมกันกับจรวด ซึ่งตัวจรวดจะตกลงสู่มหาสมุทรหลังจากที่เชื้อเพลิงหมด

[แก้]วงโคจรของดาวเทียม

วงโคจรดาวเทียม (Satellite Orbit) เมื่อแบ่งตามระยะความสูง (Altitude) จากพื้นโลกแบ่งเป็น 3 ระยะคือ

[แก้]วงโคจรต่ำของโลก (Low Earth Orbit "LEO")

คือระยะสูงจากพื้นโลกไม่เกิน 2,000 กม. ใช้ในการสังเกตการณ์ สำรวจสภาวะแวดล้อม, ถ่ายภาพ ไม่สามารถใช้งานครอบคลุมบริเวณใดบริเวณหนึ่งได้ตลอดเวลา เพราะมีความเร็วในการเคลื่อนที่สูง แต่จะสามารถบันทึกภาพคลุมพื้นที่ตามเส้นทางวงโคจรที่ผ่านไป ตามที่สถานีภาคพื้นดินจะกำหนดเส้นทางโคจรอยู่ในแนวขั้วโลก (Polar Orbit) ดาวเทียมวงโคจรระยะต่ำขนาดใหญ่บางดวงสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในเวลาค่ำ หรือก่อนสว่าง เพราะดาวเทียมจะสว่างเป็นจุดเล็ก ๆ เคลื่อนที่ผ่านในแนวนอนอย่างรวดเร็ว

[แก้]วงโคจรระยะปานกลาง (Medium Earth Orbit "MEO")

อยู่ที่ระยะความสูงตั้งแต่ 10,000 กม. ขึ้นไป ส่วนใหญ่ใช้ในด้านอุตุนิยมวิทยา และสามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารเฉพาะพื้นที่ได้ แต่หากจะติดต่อให้ครอบคลุมทั่วโลกจะต้องใช้ดาวเทียมหลายดวงในการส่งผ่าน...

[แก้]วงโคจรประจำที่ (Geostationary Earth Orbit "GEO")

เป็นดาวเทียมเพื่อการสื่อสารเป็นส่วนใหญ่ อยู่สูงจากพื้นโลก 35,786 กม. เส้นทางโคจรอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร (Equatorial Orbit) ดาวเทียมจะหมุนรอบโลกด้วยความเร็วเชิงมุมเท่ากับโลกหมุนรอบตัวเองทำให้ดูเหมือนลอยนิ่งอยู่เหนือ จุดจุดหนึ่งบนโลกตลอดเวลา (เรียกทั่ว ๆ ไปว่า "ดาวเทียมค้างฟ้า")
ดาวเทียมจะอยู่กับที่เมื่อเทียบกับโลกมีวงโคจรอยู่ในระนาบเดียวกันกับเส้นศูนย์สูตร อยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ 35,786 กม. วงโคจรพิเศษนี้เรียกว่า “วงโคจรค้างฟ้า” หรือ “วงโคจรคลาร์ก” (Clarke Belt) เพื่อเป็นเกียรติแก่นาย อาร์เทอร์ ซี. คลาร์ก ผู้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับวงโคจรนี้ เมื่อ เดือนตุลาคม ค.ศ. 1945
วงโคจรคลาร์ก เป็นวงโคจรในระนาบเส้นศูนย์สูตร (EQUATOR) ที่มีความสูงเป็นระยะที่ทำให้ดาวเทียมที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเชิงมุมเท่ากันกับการหมุนของโลก แล้วทำให้เกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางมีค่าพอดีกับค่าแรงดึงดูดของโลกพอดีเป็นผลให้ดาวเทียมดูเหมือนคงอยู่กับที่ ณ ระดับความสูงนี้ ดาวเทียมค้างฟ้าส่วนใหญ่ใช้ในการสื่อสารระหว่างประเทศและภายในประเทศ เช่น ดาวเทียมอนุกรม อินเทลแซต ๆลๆ

[แก้]ประเภทของดาวเทียม

  1. ดาวเทียมสื่อสาร
  2. ดาวเทียมสำรวจ เป็นการใช้ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรและสภาพแวดล้อมของโลก เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการถ่ายภาพ และโทรคมนาคม โดยการทำงานของดาวเทียมสำรวจทรัพยากรจะใช้หลักการ สำรวจข้อมูลจากระยะไกล
  3. ดาวเทียมพยากรณ์อากาศ
  4. ดาวเทียมทางการทหาร
  5. ดาวเทียมด้านวิทยาศาสตร์

[แก้]รายชื่อดาวเทียมตามการใช้งาน

  1. ดาวเทียมที่ใช้ในการสื่อสารแบบจุดต่อจุด เช่น PALAPA THAICOM
  2. ดาวเทียมสื่อสารระหว่างดาวเทียม เช่น TDRS''''
  3. ดาวเทียมเพื่อการสื่อสารเคลื่อนที่บนบก ในน้ำ และในอากาศ เช่น INMASAT
  4. ดาวเทียมเพื่อการสื่อสารวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรศัพท์ เช่น ASTRA
  5. ดาวเทียมเพื่อการสำรวจโลก สำรวจทรัพย์ยากรธรรมชาติ เช่น LANDSAT
  6. ดาวเทียมเพื่อการสำรวจอวกาศ เช่น METEOR EXPLORER
  7. ดาวเทียมเพื่อการพยากรณ์อากาศ เช่น GMS NOAA NOAA 6-9
  8. ดาวเทียมเพื่อการปฏิบัติในห้วงอวกาศ เช่น SPAS SKYLAB
  9. ดาวเทียมเพื่อกิจการวิทยุสมัครเล่น เช่น JAS-1 JAS-2 AO-40
  10. ดาวเทียมเพื่อการกำหนดตำแหน่ง เช่น NAVSTAR
  11. ดาวเทียมเพื่อการนำร่องเรือ และ อากาศยาน เช่น TRANSIT COSMOS

[แก้]ดาวเทียมของประเทศไทย

ดาวเทียมสื่อสารดวงแรกของประเทศไทยมีชื่อว่า "ดาวเทียมไทยคม 1" และดาวเทียม "ไทยคม 2" ในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีดาวเทียมสำรวจทรัพยากรที่ชื่อว่า "ดาวเทียมธีออส" ด้วย