วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ตื่น! ฝูงปูแสมพาเหรดข้ามถนนที่ภูเก็ต คาดเป็นสัญญาณเตือนจากธรรมชาติ


ขณะที่บางส่วนเชื่อเป็นการหาที่วางไข่แห่งใหม่ของปูแสม จี้เจ้าหน้าที่ช่วยหาคำตอบ
รายงานข่าวแจ้งว่าวานนี้ (30ก.ย.) ที่บริเวณริมป่าชายเลนติดถนนศักดิเดชน์ ซอย 1 ตรงข้ามที่ทำการสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน ที่ 23 ภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ได้เกิดเหตุประหลาดขึ้น เมื่อมีฝูงปูแสมนับพันตัว พาเหรดเดินข้ามถนน ไปยังป่าชายเลนฝั่งตรงข้าม
ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวสร้างความแตกตื่นให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ต่างพากันจอดรถหยุดดู และจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง นานา บ้างว่าเป็นการเดินทางไปวางไข่ยังที่แห่งใหม่ของปูแสม เนื่องจากพื้นที่ที่เคยอยู่ร้อนจัด จนไม่สามารถที่จะวางไข่ได้
รวมไปถึงวันเวลาดังกล่าวตรงกับวันขึ้น 15ค่ำ ซึ่งทำให้น้ำขึ้นสูง ปูจึงหนีน้ำขึ้นบนต้นไม้บริเวณป่าชายเลน และเมื่อน้ำลงปูจึงลงจากต้นไม้ และกลับไปอยู่ในรูเหมือนเดิม แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่าเป็นสัญญาณเตือนจากธรรมชาติ เพราะปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นหรือพบเห็นได้น้อยมาก

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

สั่งอพยพคน หลังคันดินนิคมฯลาดกระบังพัง น้ำทะลักเข้าท่วม

ประจำวัน

ภาพจาก bangkokbiznews
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเหตุแล้ว คาดก่อนเที่ยงคืนเข้าสู่ภาวะปกติ
เมื่อเวลา 17.20 น. ได้เกิดคันดินกั้นน้ำของนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง พังทลาย ทำให้น้ำในคลองลำแตงโม ไหลทะลักและเริ่มท่วมถนนในนิคม โดยบางบริษัท ได้สั่งอพยพคนและหยุดการผลิตแล้ว
ทั้งนี้เมื่อเวลา 20.00น. ทางเจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วน ได้ระดมกำลังเข้าระงับเหตุแล้ว และระดับจากที่สูงถึง 50ซม. ได้ลดระดับลงเหลือ 18 ซม.แล้ว
และคาดว่า ปริมาณน้ำยังลดระดับลงตามลำดับ กลับเข้าสู่สภาวะปกตินั้นในเวลา 24.00 น.

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

เกิดแผ่นดินไหว 2ครั้งติด ที่เชียงใหม่-กาญจนบุรี


เบื้องต้นไม่มีรายงานเสียหาย ยันเขื่อนในพื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ
มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 00.40 น. วันนี้ (29 ก.ย.) มีรายงานว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 1.6 ริกเตอร์ ที่ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ขณะเดียวกันเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา ที่บริเวณอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ก็ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นเช่นกัน แต่มีขนาด ขนาด 2.9 ริกเตอร์ แต่ทั้ง 2เหตุการณ์ ก็ไม่มีรายงานหรือพบความเสียหาย
ทั้งนี้จากเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนมีความวิตกกังวลว่าเขื่อนศรี นครินทร์-บริหาร ที่ตั้งอยู่ในอ.ศรีสวัสดิ์ อาจได้รับผลกระทบนั้น นายวนิช แสงสุวรรณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อน ก็ได้ออกมายืนยันว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นแรงกระเพื่อนมของแผ่นดินไหว ไม่ได้กระทบถึงตัวเขื่อน ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าเขื่อนมีความปลอดภัย และไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างได
ทั้งนี้หากประชาชนที่ห่วงความปลอดภัยของเขื่อนศรีนครินทร์ หากต้องการเห็นสภาพเขื่อนศรีนครินทร์ในปัจจุบัน สามารถเข้าชมจากกล้อง CCTV ได้ที่ http://cctvsnr.egat.com

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

ประธานาธิบดีอิหร่าน เสนอจัดระเบียบโลก ให้ทุกประเทศเท่าเทียม

มาห์มูด อาห์มาดิเนจัด
นายมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด ประธานาธิบดีอิหร่าน เสนอการจัดระเบียบโลกใหม่ ให้สหรัฐและประเทศมหาอำนาจลดบทบาทลง และให้ทุกประเทศมีฐานะเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้เขากล่าวว่าในโลกยุคใหม่ ความเกลียดชังและความไม่จริงใจจะหมดไป มีแต่ความเท่าเทียมและความยุติธรรม ตอนนี้โลกหมดความอดทนกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว แม้แต่เด็กประถมทั่วโลกยังเข้าใจว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังดำเนินนโยบายระหว่าง ประเทศอย่างเกเร เขาเชื่อว่าโลกจะไม่ได้เห็นผู้ครองจักรวรรดิออกคำสั่งอีกต่อไป ซึ่งการที่นานาชาติคัดค้านโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน เป็นเพียงข้อแก้ตัวของชาติตะวันตกที่ต้องการเข้าไปครอบงำอิหร่านเท่านั้น
นอกจากนี้ นายนายมาห์มูด อาห์มาดิเนจัดยังเสนอให้จัดตั้งกลุ่มใหม่ที่มีสมาชิกประมาณ 10-11 ประเทศ เพื่อหาทางยุติสงครามกลางเมืองในซีเรียที่ยืดเยื้อมานาน 18 เดือน และกล่าวด้วยว่า เขาจะทำทุกอย่างเท่าที่มีอำนาจทำได้ เพื่อก่อให้เกิดเสถียรภาพ สันติภาพ และความเข้าอกเข้าใจในซีเรีย
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจาดยินดีเจรจาต่อไปแม้ว่าการเจรจากับมหาอำนาจโลกจะ หยุดชะงักหลังจากมีการเจรจาระดับสูงมาแล้ว 3 รอบนับจากเดือนเมษายน และเขาจะไม่ปิดกั้นการหารือกับผู้ที่จะชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ

โรคหัวใจขาดเลือด ทำคนไทยตาย ชั่วโมงละ 2 คน


“โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน” หรือ Acute Coronary Syndrome หรือ Heart Attack คืออันตรายและภัยเงียบ
จากข้อมูลจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ปัจจุบันโรคหลอดเลือดเป็นสาเหตุการป่วยและเสียชีวิตของคนไทยสูงเป็นอันดับ 3 รองจากมะเร็งและอุบัติเหตุจราจร
โดยมีผู้เสียชีวิตปีละประมาณ 18,000 ราย สาเหตุส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80 เกิดมาจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จากปัญหาหลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน พบผู้ป่วยรายใหม่ปีละประมาณ 22,000 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
จากการศึกษาของสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสถาบันโรคทรวงอก และหน่วยงานอื่นๆ ทั่วประเทศ 17 หน่วยงาน พบว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันชนิดรุนแรง มีอัตราการตายสูงถึงร้อยละ 17 ซึ่งสูงกว่าต่างประเทศที่พบร้อยละ 7 หรือกว่า 2 เท่าตัว
กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ชั่วโมงละ 2 คน ซึ่งตัวเลข 2 คนนี้ ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง และมีความสำคัญยิ่ง เพราะคนตายมักอยู่ในวัยทำงานหาเลี้ยงครอบครัว มีคุณค่าต่อครอบครัว เพราะมันเป็นภัยเงียบ มักไม่รู้ตัวหรือมีอาการมาก่อน หากไม่ดูแลเฝ้าระวังสุขภาพ

โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
มีสาเหตุมาจากการตีบตัน แคบลงของหลอดเลือดแดง เนื่องจากมีไขมันและคอเลสเตอรอลไปเกาะที่ผนังของหลอดเลือด โดยผู้ป่วยจะมีอาการแสดงออกเมื่อมีการตีบตันมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ในลักษณะเจ็บแน่นหน้าอกเวลาออกแรงมากๆ เครียด หรือหลังจากทานอาหารมื้อหนัก ส่วนมาก 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยจะเจ็บบริเวณกลางหน้าอก คล้ายมีอะไรบีบรัดหรือกดทับและอาจร้าวไปที่คอ กราม ไหล่ซ้าย หรืออาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก หน้ามืด อาเจียน ซึ่งอาการเจ็บดังกล่าวหากนั่งพักจะหายไปเอง
การรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย การรักษาที่ผู้ป่วยจะได้รับ
๑. การให้ออกซิเจน
๒. การให้ยาแก้ปวด
๓. การใช้ยาขยายหลอดเลือด
๔. การใช้ยาป้องกันเลือดแข็งตัว หรือ ยาละลายลิ่ม
๕. การรักษาอย่างอื่น ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆไป
โดยทั่วๆไปผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีแพทย์เชี่ยวชาญทางโรค หัวใจโดยเฉพาะผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือ ภาวะหัวใจล้มเหลว เกดขึ้นได้ ผู้ป่วยควรจะได้รับการตรวจสัญญาณชีพจรบ่อยๆ  และควรจะได้บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจอยู่ตลอดเวลา
ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ให้อมยาไนโตรกลีเซอรีน หรือ ไนเตรตใต้ลิ้น แล้วรีบมาโรงพยาบาล
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรค
๑. เพศชายอายุ ๔๐ ปี เพศหญิงวัยหมดประจำเดือน
๒. การสูบบุหรี่
๓. ภาวะไขมันในเลือดสูง
๔. ความดันโลหิตสูง
๕. โรคเบาหวาน
๖. อ้วน
วิธีการปฏิบัติเพื่อป้องกันโรค
๑. ความคุมความดันโลหิตสูง โดยการควบคุมอาหาร และการใช้ยา
๒. หยุดสูบบุรี่
๓. ลดระดับความมันในเลือด โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำมันจากสัตว์ น้ำมันมะพร้าว และกะทิ
๔. ปรับปริมาณแคลลอรี่ในอาหารให้พอดี เพื่อให้ได้น้ำหนักตัวที่เหมาะสมกับความสูง
๕. ออกกำลังกายพอประมาณทุกวัน หรืออย่างน้อย ครั้งละ ๒๐ นาที ๓ ครั้งต่อสัปดาห์
๖. ถ้าเป็นเบาหวานความควบคุมน้ำตาลให้ดี

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

กทม.ของบ 1.3 หมื่นล้าน ทำ26โครงการ แก้น้ำท่วมกรุงเทพ

อุโมงค์ระบายน้ำ
นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในอนาคต โดยใช้งบประมาณ 350,000 ล้านบาทนั้น
ทางสำนักการระบายน้ำ (สนน.) ได้เสนอขออนุมัติแผนงานโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำระยะ ยั่งยืนกรุงเทพมหานคร จำนวน 26 โครงการ งบประมาณจำนวน 13,943 ล้านบาท ต่อคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) แล้ว ก่อนเสนอรัฐบาลเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป ประกอบด้วย
1.สร้างอุโมงค์ระบายน้ำจากบึงหนองบอนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 4.9 พันล้านบาท
2.ปรับปรุงระบบระบายน้ำด้านใต้คลองภาษีเจริญ-คลองสนามชัย (สร้างเขื่อนค.ส.ล.คลองพระยาราชมนตรี ตอนที่ 2) 470 ล้านบาท
3.ปรับปรุงระบบระบายน้ำด้านเหนือคลองภาษีเจริญ ช่วงคลองมหาสวัสดิ์ (สร้างเขื่อนค.ส.ล.คลองพระยาราชมนตรี ตอนที่ 3) 558 ล้านบาท
4.ปรับปรุงระบบระบายน้ำด้านใต้คลองดาวคะนอง (สร้างสถานีสูบน้ำและเขื่อนค.ส.ล.คลองรางสะแก) 360 ล้านบาท 5.สร้างเขื่อนค.ส.ล.และประตูระบายน้ำคลองบางเขน (ถ.พิบูลสงคราม-คลองบางบัว) 751 ล้านบาท
6.สร้างเขื่อนค.ส.ล.และประตูระบายน้ำ คลองเปรมประชากร คลองบางเขน-ประตูระบายน้ำคลองเปรมประชากรฝั่งใต้ 1,343 ล้านบาท
7.สร้างเขื่อนค.ส.ล.และประตูระบายน้ำคลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสองและคลองบางซื่อ จากบริเวณเขื่อนเดิมอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้ารามคำแหงถึงบริเวณประตูระบายน้ำ คลองสองสายใต้ 2,206 ล้านบาท
8.สร้างเขื่อนค.ส.ล.และประตูระบายน้ำคลองประเวศบุรีรมย์ ถ.สุขุมวิท-ประตูระบายน้ำลาดกระบัง 1,837 ล้านบาท
9.สร้างเขื่อนค.ส.ล.และประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ ถ.กาญจนาภิเษก-ตลาดมีนบุรี 709 ล้านบาท
10.สร้างบ่อพักพร้อมประตูปิดกั้นน้ำตามแนวคลองสายหลัก พื้นที่ฝั่งตะวันออก 140 ล้านบาท
11.สร้างบ่อพักพร้อมประตูปิดกั้นน้ำตามแนวคลองสายหลัก พื้นที่ฝั่งตะวันตก 113 ล้านบาท
12.ปรับปรุงทำนบกั้นน้ำคลองลำกระดาน 2 (ถ.ไมตรีจิต) 15 ล้านบาท
13.ปรับปรุงทำนบกั้นน้ำคลองแปด (ถ.ไมตรีจิต) 21 ล้านบาท
14.ปรับปรุงทำนบกั้นคลองเก้า (ถ.ไมตรีจิต) 21 ล้านบาท
15.ปรับปรุงทำนบกั้นน้ำคลองสิบ (ถ.คลองสิบ-สิบสี่) 21 ล้านบาท
16.ปรับปรุงทำนบกั้นน้ำคลองสิบเอ็ด (ถ.คลองสิบ-สิบสี่) 22 ล้านบาท
17.ปรับปรุงทำนบกั้นน้ำคลองบุหรีพวง (ถ.คลองสิบ-สิบสี่) 14 ล้านบาท
18.ปรับปรุงทำนบกั้นน้ำคลองสิบสอง (ถ.คลองสิบ-สิบสี่) 21 ล้านบาท
19.ปรับปรุงประตูระบายน้ำบางชัน (คลองแสนแสบ) 10 ล้านบาท
20.ปรับปรุงประตูระบายน้ำลาดพร้าว 56 จำนวน 29 ล้านบาท
21.ก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองหนึ่งตะวันตก (คลองสามวา) 22 ล้านบาท
22.เพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบน้ำบางซื่อ 75 ล้านบาท
23.เพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบน้ำสามเสน 72 ล้านบาท
24.เพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบน้ำคลองบำหรุ 27 ล้านบาท
25.ปรับปรุงประตูระบายน้ำแสนแสบ (มีนบุรี) 35 ล้านบาท
และ 26.สร้างประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ 150 ล้านบาท

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

เตือนระวัง กทม.จมน้ำ หวั่นตุลาคม น้ำเหนือ น้ำฝน น้ำหนุน เจอกัน



ขอบคุณข้อมูลจาก ทีวีไทย / ภาพ MThai News

นายธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล หน่วยศึกษาพิบัติภัยและข้อสนเทศเชิงพื้นที่ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงสถานการณ์วิกฤติน้ำในประเทศไทยปี 2555 ว่า ปีนี้พื้นที่กรุงเทพมหานครยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีร่องมรสุมและพายุพาดผ่านประเทศไทย นานผิดปกติโดยยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ ซึ่งตามปกติแล้วร่องมรสุมจะอยู่ประมาณ 4-7 วัน แต่ปีนี้อยู่มาเกือบ 1 เดือนแล้ว ซึ่งร่องมรสุมที่พาดผ่านนานก็จะทำให้ฝนตกหนัก จึงถือว่ากรุงเทพมหานคร มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วมที่มาจากน้ำฝน
สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีพายุเข้ามาในช่วงเดือนตุลาคม เหมือนปี 2533 ,2539 และ 2549 ที่ทำให้น้ำท่วมภาคกลางซึ่งมีโอกาสสูงมาก และประมาณวันที่ 29 กันยายน ถึง 2 ตุลาคมนี้ คาดว่า จะมีฝนตกหนักซึ่งต้องจับตามองว่ากรุงเทพมหานคร จะรับมืออย่างไร ขณะที่ปัจจุบันกรุงเทพมหานคร กับรัฐบาลยังไม่บูรณาการแผนงานร่วมกัน
ส่วนข้อแนะนำนั้นขณะนี้มีวิธีเดียวคือพร่องน้ำในคลอง เพราะการขุดลอกคูคลองอาจไม่ทันการ พร้อมทั้งต้องหารือกับรัฐบาลว่า จะต้องไม่ปล่อยน้ำเหนือผ่านเข้ามา นอกจากนั้น การที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณสร้างพนังกั้นน้ำให้สูงขึ้น อาจจะยิ่งทำให้กรุงเทพมหานครมีความเสี่ยงมากขึ้น หากฝนตกหนักเป็นเวลานาน และเขื่อนก็เริ่มปล่อยน้ำลงมา ซึ่งอาจเกิดปัญหาเหมือนกับเมืองนิวออร์ลีนส์ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อเกิดพายุกำแพงก็จะกลายเป็นอ่างเก็บน้ำ
สำหรับน้ำท่วมภาคกลางนั้นมีหลายปัจจัยไม่ใช่เฉพาะน้ำเหนือเท่านั้น ซึ่งปีนี้น่าห่วงเรื่องร่องมรสุมที่อยู่นานผิดปกติ อีกทั้งน้ำเหนือก็คาดว่าจะมาถึงกรุงเทพมหานคร ประมาณเดือนตลุาคมนี้เช่นกัน และช่วงนั้นก็อาจจะมีน้ำทะเลหนุนด้วยซึ่งถ้า 3 น้ำมาเจอกันกรุงเทพฯ ก็อาจต้องเจอปัญหาใหญ่
ส่วนในระยะยาวกรุงเทพมหานครจะต้องปรับท่อระบายน้ำให้ใหญ่ขึ้นจากที่ระบายได้ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงเป็น 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงและขุดลอกคูคลองให้ลึกขึ้น ขณะที่แนวคิดที่จะก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นนั้นคิดว่าเขื่อนไม่ใช่มาตรการเบ็ดเสร็จที่ให้แก้ปัญหาทั้งหมด แต่จะต้องมีการบริหารจัดการน้ำที่ดีหากบริหารจัดการไม่ดีเขื่อนอาจจะกลายเป็นปัญหา รัฐบาลต้องให้คำตอบเรื่องความคุ้มค่าให้ได้

พร้อมพงศ์ แนะ อภิสิทธิ์ ไปสั่งผู้ว่าฯ กทม.เร่งแก้ระบายน้ำ ดีกว่าจ้องดิสเครดิตรัฐบาลรายวัน


อย่ามัวเล่นแต่การเมือง เหมือนคนไม่รู้จักโต หรือขาดวุฒิภาวะ
Mthai News ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย พิจารณาตัวเองด้วยการลาออก
จากกรณีที่อนุกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ อกพ. กระทรวงมหาดไทย ให้ออกจากราชการเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ในกรณีที่ดินอัลไพน์ ว่า
กรณีนี้มีความชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์มุ่งแต่จะเล่นเกมการเมือง โดยโจมตี นายยงยุทธ เพื่อให้กระทบต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เป็นการเล่นตามกระแส โดยไม่ดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ เมื่อสมัยที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก็เคยอ้างความเห็นของกฤษฎีกาที่ให้ข้อคิดเห็นข้อกฎหมายกับรัฐบาล แต่เมื่อมาเป็นฝ่ายค้านกลับไม่ยอมรับฟัง ความเห็นของกฤษฎีกา หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านกฎหมาย
ดังนั้นอยากให้เลิกวิจารณ์เรื่องนี้ได้แล้ว อย่างมุ่งแต่เล่นการเมืองรายวัน เห็นกระแสเรื่องไหน ก็มุ่งโจมตีเรื่องนั้น เอาความเห็นส่วนตัวไปค้านกับหน่วยงานที่รับชอบด้านกฎหมาย จนเหมือนน่าจะหน้ามืดตามัว จนไม่ได้ดูข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ความจำสั้น เล่นการเมืองเหมือนคนไม่รู้จักโต หรือขาดวุฒิภาวะเพราะเรื่องนี้จบไปแล้ว ไม่ควรนำมาขยายผลอีก
พร้อมกันนี้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ควรเอาเวลาไปลงพื้นที่ช่วยเหลือ ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้วนำความเดือดร้อนขอชาวบ้านมาเสนอต่อรัฐบาลในการประชุมสภา เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนดีกว่า
หรือลงไปดูการระบายน้ำใน กทม.เองจะดีกว่า เพราะฝนตกไม่เท่าไหร่ กทม.ก็น้ำท่วม ถือเป็นการประจานการบริหารงานของกทม. ว่า น่าจะขาดการเอาใจใส่ประชาชน ทำให้คนกทม.ผิดหวัง
ทั้ง ๆ ที่เคยบอกว่า จะดูแลคน กทม.ตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งขณะนี้ดูเหมือนว่า น่าจะดีแต่พูดมากกว่า เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องสั่งการให้ ตำรวจนครบาลและกรมราชทัณฑ์ เข้าไปขุดลอกท่อในหลายจุด ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นหน้าที่ของ กทม.

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

ศศิน เฉลิมลาภ วิเคราะห์น้ำกรุงเทพ น้ำฝนน่ากลัวกว่าน้ำเหนือ


MThai News : ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสถานการณ์น้ำในกรุงเทพ โดยระบุว่า

รายการที่ผมออกทีวีกับ ดร.เสรี เมื่อคืนเราคุยตรงกันว่าน้ำปีนี้เป็นปีที่ไม่น่ามีอะไรมาก ยกเว้นถ้าร่องฝนมันลอยอยู่เหนือกรุงเทพนานๆ ทำให้ปริมาณฝนมันเข้าสู่รูปแบบที่เคยท่วมเมื่อปี 38 หรือ ปี 26 และทำให้น้ำท่วมเมืองได้ ในหลายๆกรณี โดยไม่จำเป็นว่า
จะต้องมีน้ำเหนือมามาก ที่น่าสนใจคือหากดูเดือนไทย เราจะเห็นว่าวันนี้เพิ่งขึ้น 6 ค่ำเดือนสิบเองครับ เดือนสิบโบราณว่าน้ำมันมา แล้วน้ำท่วมเดือนสิบเอ็ด ยาวไปถึงเดือนสิบสอง ดังนั้นฟ้าฝนมันก็พ้องกับช่วงที่ว่า คือมันอาจจะยาวๆไปทั้งเดือนตุลา ต่อพฤศจิกา ก็ได้ ที่ต้องระวังโลกเรามันเปลี่ยนสภาพจากเรือนกระจก ไปมาก อะไรอะไรก็เผื่อไว้ครับ ไม่มีใครรู้อะไรเป๊ะๆกันแล้ว

คราวนี้ลองดูเดือนไทยๆต่อไปถึงลอยกระทงนะครับ ปีนี้ ลอยกระทงปลายเดือน (ปีที่แล้วต้นเดือน) ดังนั้น วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง ถึงปลายเดือนพฤศจิกายนนะครับ พี่น้อง ดังนั้นปีนี้ ก็อาจจะเป็นปีที่ไม่ต้องลุ้นน้ำเหนือมาก แต่ลุ้นน้ำฝนเหนือกรุงเทพนี่แหล่ะครับ ลุ้นยาวๆเป็นเดือนด้วยครับ

ที่บอกมาคือการเฝ้าระวังนะครับ ไม่ใช่ให้ตกอกตกใจ เราระวังป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย หน้าฝนฝนตกก็ดีแล้วครับ แต่ต้องระวังที่คาดการณืในกรณีหนึ่งมันอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ก็ได้ทำให้เกิดผลไปอีกแบบ ดังเช่นความเสี่ยงสูงของทางน้ำที่จะผันไปตะวันตก (น้ำเหนือก้อนปัจจุบันที่ลงมาจากสุโขทัย) และ ตะวันออก (น้ำที่อาจจะเพิ่มจากปาสัก ในอนาคต) ไอ้แนวตรงกลางที่ไม่คิดว่าจะไม่มีอะไร ก็อาจจะเจอโจมตีจากฝนตรงๆแบบไม่คาดคิดแบบที่ผมว่ามาจากน้ำฝนและช่วงเวลา เดือนไทยปีนี้ที่ยังมีเวลายืดเยื้อยาวนานครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่แบบปีที่แล้วขนาดนั้น แต่ก็พอได้มีน้ำท่วมล่ะครับแบบท้วมๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับประสิทธิภาพการสืบน้ำ และระบายน้ำของเทศบาลแต่ละที่แล้วล่ะครับ นอกจากนี้หากไม่ประสานกันให้ดีระหว่างพื้นที่ความขัดแย้งทะเลาะกันเป็นพื้นๆ ที่ก็จะทำให้ยุ่งกันใหญ่ ผู้บริหารต้องเตรียมการวางแผนส่งน้ำต่อกันให้ดี ในที่ราบภาคกลางตั้งแต่อยุธยาลงมากรุงเทพครับ ฟลัดเวย์ เดิม ที่คลองหก เจ็ด แปด ลงคลองสามวา ลาดกระบัง สูบออกที่สมุทรปราการ คงต้องเตรียมเผื่อได้ทำงานหนักครับ ไงๆ ก็อย่าให้ใครเขามากั้นไม่ให้ลงทางหนองเสืออีกก็แล้วกัน เดี๋ยวเรื่องที่ไม่ควรร้ายแรงมาก ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

10 อันดับ เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012

เว็บไซต์ดิอีโคโนมิสต์ เผย 10 อันดับ เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 จากการจัดอันดับของ Economist Intelligence Unit หน่วยงานชื่อดังด้านการศึกษา และวิจัยข้อมูลด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เกณฑ์การให้คะแนนวัดจาก โครงสร้างผังเมือง จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น การศึกษา สุขภาพ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยตัดสินคัดเลือกจาก 70 เมืองทั่วโลก ผลปรากฏว่า ฮ่องกง คว้าแชมป์ที่ 1 ไปครองตำแหน่ง เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 ส่วนอันดับต่อๆ มานั้น ก็ล้วนเป็นเมืองสวยงามน่าไปเยือนทั้งสิ้น

เมืองที่ดีที่สุดในโลก อันดับ 1 ฮ่องกง ประเทศจีน

เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 อันดับ 2 อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
 เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 อันดับ 3 โอซากา ประเทศญี่ปุ่น
เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 อันดับ 4 ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 อันดับ 5 ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 อันดับ 6 สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 อันดับ 7 เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 อันดับ 8 โตรอนโต ประเทศแคนาดา
เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 อันดับ 9 มิวนิก ประเทศเยอรมนี
เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2012 อันดับ 10 โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

เว็บนอกจัดอันดับ 5 ย่านอาหารริมทางสุดเจ๋ง ของกรุงเทพฯ

อาหารริมทาง
เว็บไซต์ Virtualtouristได้จัดอันดับเมืองที่มีอาหารริมทางดีที่สุดในโลก โดยกรุงเทพมหานครครองแชมป์ เมืองที่มีร้านอาหารริมทางที่ดีที่สุดในโลก
ขณะที่อีก 4 อันดับ คือ
อันดับ 2 สิงคโปร์ ซึ่งมีจุดเด่นที่การผสมผสานวัฒนธรรมด้านอาหารของจีน มลายู อินเดีย รวมถึงอาหารเปรานากัน
อันดับที่ 3 ได้แก่เกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย ที่มีการผสมผสานด้านวัฒนธรรมของมาเลเซีย จีนและอินเดีย
อันดับที่ 4 เมืองมาร์ราเกช โมร็อกโก
และอันดับที่ 5 เมืองปาแลร์โม ประเทศอิตาลี
สำหรับ 5 ย่านในกรุงเทพฯที่มีอาหารริมทางอร่อยที่สุด ซึ่งเว็บไซต์จัดอันดับไว้ ประกอบไปด้วย
เยาวราช
ถือเป็นสวรรค์ของนักกิน มีทั้งอาหารคาวหวาน ของกินเล่นและผลไม้นานาชนิด มีให้กินกันตั้งแต่กลางวันยันดึก อาหารที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนเยาวราชก็คือ หูฉลาม รังนก กระเพาะปลา ฯลฯ
สีลม
เป็นย่านธุรกิจใจกลางเมืองกรุงเทพฯ จึงกลายเป็นย่านรวมตัวของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและนานาชาติ ในช่วงเย็น 2 ฝั่งถนนของสีลมจะเต็มไปด้วยร้านค้าริมทางจำนวนมาก
ซอยรามบุตรี
ซอยรามบุตรีอยู่ระหว่างถนนข้าวสารและบางลำพู ภายในซอยมีทั้งร้านอาหาร โรงแรม เกสท์เฮ้าส์ ทั้งยังมีร้านเสื้อผ้า และสิ่งของต่างๆ เปิดค้าขายกันทั้งกลางวันและกลางคืน
สุขุมวิท ซอย 38
ซอยนี้เปิดขายอาหารกันตั้งแต่บ่ายแก่ๆไปจนถึงประมาณตี2 จนเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งในตอนกลางคืนยังมีกลุ่มทัวร์จากชาวต่างชาติต่างแวะเวียนกันมาลิ้มรส อาหารริมทางที่ซอยนี้อีกด้วย
โชคชัย 4
มีอาหารริมทางขายทั้งกลางวันและกลางคืน กลางวันร้านค้าจะตั้งอยู่บริเวณริมซุปเปอร์มาร์เก็ต ขณะที่ตอนกลางคืนจะมีร้านค้าแผงลอยมากมายตั้งขายกันเต็มถนน

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

ล่า! นักโทษ132 คนแหกคุกเม็กซิโก หนีลอยนวล

นักโทษแหกคุก


ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข่าว
หลังขุดอุโมงค์ยาวกว่า 7เมตร เลียนหนังดังในการหลบหนี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่รัฐโกอาวีลา ทางเหนือของประเทศเม็กซิโก ได้เกิดเหตุมีนักโทษกว่า 132คน แหกคุกจากเรือนจำหนีไปอย่างลอยนวลเมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.00น. วานนี้ (18 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น
โดยรายงานได้ระบุว่า กลุ่มนักโทษดังกล่าวได้พากันหนีออกจากเรือนจำผ่านอุโมงค์ลึก 3 เมตร ยาว 7 เมตร ที่ได้แอบขุดไว้ในโรงฝึกวิชาชีพช่างไม้ ก่อนจะไปโผล่บริเวณหอสังเกตการณ์ทางเหนือของเรือนจำ
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่เรือนจำ ก็ได้ประสานไปยังทหารและตำรวจเม็กซิโก ให้ส่งกำลังเข้าช่วยไล่ล่านักโทษกลุ่มดังกล่าวแล้ว โดยให้เฝ้าติดตามตามแนวชายแดนที่ติดกับรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งให้เข้มงวดตรวจตรารถทุกคันที่เข้าออก แต่ขณะนี้ยังไร้วี่แวว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งประชาชนให้ทราบแล้ว และหากมีพบเบาะแสนำสู่การจับกุมได้ รัฐบาลก็จะให้เงินรางวัลราว 4.8 แสนบาท เป็นค่าตอบแทน
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นเหตุการณ์ใหญ่อีกเหตุการณ์ที่นักโทษได้แหก คุกหนีไปได้กว่า 100 คน โดยเมื่อปี 2010 นักโทษกว่า 141คน แหกคุก นวยโวลาเรโด ในรัฐตาเมาลีปัส ทางเหนือของเม็กซิโก และหลบหนีไปได้เช่นกัน
ทั้งนี้การหลบหนีดังกล่าวก็มีลักษณะคล้ายกับฉากหนึ่ง ในภาพยนตร์ซีรี่ย์เรื่องดังอย่าง Prison Break ด้วย

ฝนถล่มกรุงเทพ น้ำท่วมขังหนัก จราจรอัมพาต

น้ำท่วมกรุงเทพ 2555


ระดับน้ำในคูหลังตึกไทยคู่ฟ้า – @jeerapong_nna
ชาวเนตแห่โพสภาพ หลัง เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ประกาศแจ้ง ว่า หลังจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ถนนหลายสายในกรุงเทพมหานครเกิดน้ำท่วมขัง ดังนี้
- ถนนราชวิถี ช่วง แยกอู่ทองในถึงแยกการเรือนมีน้ำท่วมสูงระดับทางเท้าทุกช่องทางทั้ง 2 ฝั่ง
- แยกซังฮี้ถึงสะพานกรุงธนบุรี มีน้ำท่วม 1 ช่องทางซ้ายสูงระดับทางเท้า สภาพการจราจรติดขัด
- ถนนดินแดง จาก อุโมงค์ดินแดง มุ่งหน้า แยกโบสถ์แม่พระ บริเวณหน้าโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์มีน้ำท่วมสูง 15 – 20 เซนติเมตร ระยะทางยาว 400 เมตร
- ถนนพระรามที่ 6 ช่วง อาคารทิปโก้ถึงซอยเศรษฐศิริในช่องทางซ้ายมีน้ำท่วมสูงระดับทางเท้าทั้ง 2 ฝั่ง
- ถนนพระรามที่ 6 จาก แยกประดิพัทธ์ มุ่งหน้า แยกด่านระนองไปแยกโรงกรองน้ำรถหนาแน่นติดขัดทั้ง 2 ฝั่ง
- ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ในช่องทางคู่ขนานช่วงลงจากทางด่วนดินแดงถึงสโมสรทหารบกมีน้ำท่วมสูงระดับทางเท้า

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

รอยล ยัน กทม.ต้องเจอพายุอีก 14 ลูก ถึงจะท่วมหนักอีก


มั่นใจแผนจัดการน้ำเดิม แต่ยังห่วงเรื่องฝน และการระบายน้ำของกทม.
นายรอยล จิตรดอน ประธานคณะอนุกรรมการการติดตามวิเคราะห์สถานการณ์น้ำและจัดสรรน้ำ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในขณะนี้ จนหลายฝ่ายวิตกกังวลว่ามวลน้ำจะทะลักเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ เหมือนปีที่ผ่านมา ว่า
ตนไม่อยากให้ประชาชนกังวลมากหนัก เนื่องจากในปีนี้น้ำเหนือยังไม่มาก ถือว่าน้อยกว่าปีที่แล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากจะเกิดน้ำท่วมเหมือนปีที่แล้ว จะต้องมีพายุเข้าถึง 14ลูก ถึงจะทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ได้
ส่วนตอนนี้น้ำที่ค้างใน จ.นครสวรรค์ มีเพียง 1 พันล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปีที่แล้วมีน้ำค้างถึง 8 พันล้านลูกบาศก์เมตร พอรวมกับการปล่อยน้ำในเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ น้ำค้างอยู่ที่ 130-140 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
ขณะเดียวกันตนยังเชื่อมั่นในแผนจัดการน้ำแบบเดิม เพราะเป็นมาตรการที่ดีในการดูแลหลักสมดุลของน้ำ และทำให้ไม่ต้องเร่งระบายน้ำในเขื่อนเหมือนปีที่ผ่านมา
แต่ก็ยังห่วงเรื่องฝน และการระบายน้ำในกรุงเทพฯ เพราะช่วงนี้จะมีฝนตกหนักไปจนถึงวันจันทร์ที่ 17 กันยายน อีกทั้งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าทางผู้บริหารกรุงเทพฯ ลงพื้นที่เข้าไปดูแล คูคลองที่มีมากว่า 1,600 คลองบ้างอย่างไร

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

พท.โวย ผู้ว่ากทม.ทำน้ำท่วมกรุง จี้ออกมาแจงอย่าทำตีมึน


พท.โวย ผู้ว่ากทม.ทำน้ำท่วมกรุง จี้ออกมาแจงอย่าทำตีมึน
หลังจากที่มีฝนถล่มหนัก ทั่วพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร จนเกิดน้ำท่วมขังในหลายๆจุด วันนี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. จะต้องมีคำตอบอธิบายให้กับคนกรุงเทพฯ ว่า
เหตุใดจึงปล่อยให้น้ำท่วมกรุงระดับน้ำยกตัวขึ้นสูงและการจราจรเป็นอัมพาตในหลายพื้นที่  เป็นเหตุประชาชนเดือดร้อนหนัก ซึ่ง ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าฯ กทม.อ้างว่า กรุงเทพฯ ไม่ได้ออกแบบระบบระบายน้ำมาเพื่อรองรับน้ำเหนือ แต่เหตุการณ์น้ำท่วมขังครั้งนี้เกิดจากฝนตกล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับน้ำเหนือ
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ว่าฯ กทม.อย่ามาทำตีมึน ต้องให้ความมั่นใจกับประชาชนและชี้แจงกับประชาชนชาวกทม.เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำอีก

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

มาดูอุโมงค์ยักษ์ รับมือน้ำท่วมกทม. ยืนยันระบายน้ำได้จริง!!


มาดูอุโมงค์ยักษ์ รับมือน้ำท่วมกทม. ยืนยันระบายน้ำได้จริง!!
Mthainews: หลังจากที่ปีมหาอุทกภัย  2554 ที่ผ่านมา เกิดวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ในหลายจังหวัดรวมไปถึงกรุงเทพมหานคร จนหลายฝ่ายต้องเร่งหาวิธีป้องกัน แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณน้ำฝนในปีนี้ ซึ่งปริมาณน้ำได้เพิ่มระดับสูงขึ้นอีกครั้ง น้ำยมทะลักพังลอดพนังกั้นน้ำในจังหวัดสุโขทัย เกิดน้ำท่วมตัวเมืองอย่างหนัก และส่งผลให้ชาวบ้านเดือดร้อนในหลายพื้นที่เสี่ยง ในเขตจังหวัดพิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา
ภาพเหตุการณ์น้ำท่วม ปี 2554
นอกจากนี้ จังหวัดที่อยู่ลุ่มน้ำ อย่างนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และกทม.ต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปริมาณน้ำอาจทะลักเข้าท่วมขังบางพื้นที่ หรือที่เรียกน้ำท่วมฉับพลัน เกิดจากร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยในช่วงวันที่ 13-17 กันยายนนี้
อุโมงค์ยักษ์ เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในกทม. ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม.ได้ทำพิธีเปิดไปแล้วในบางจุด  โดยที่ชาวบ้าน ประชาชนต่างก็หวังว่า อุโมงค์ยักษ์จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนเพื่อเป็นทางผันน้ำออกสู่ทะเล โดยโครงการดังกล่าว ทำการก่อสร้างทั้งสิ้น 4 แห่ง คือ
1.  อุโมงค์ยักษ์พระราม9-รามคำแหง  เป็นอุโมงค์ระบายน้ำแห่งแรกในโครงการสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ สามารถระบายน้ำได้ปริมาณมากกว่า 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 5 เมตร ระยะทางยาว 5 กิโลเมตร  แก้ปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่ ลาดพร้าว วังทองหลาง บางกะปิ ห้วยขวางและสะพานสูง แต่ปัญหาที่พบคือ ขยะมากถึงวันละ 10 ตัน เป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ เพราะไปขวางทางเครื่องสูบน้ำ
2.  อุโมงค์ยักษ์รัชดาภิเษก-สุทธิสาร ระบายน้ำในเขตพื้นที่ห้วยขวาง ดินแดง จตุจักร พญาไท ดุสิต และบางซื่อ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร เส้นทางยาว 6   กิโลเมตร
3.  อุโมงค์สวนหลวง ร.9 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร มีความยาวอยู่ที่ 9.5 กิโลเมตร ประสิทธิภาพในการระบายน้ำอยู่ที่ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
4.  อุโมงค์ยักษ์ดอนเมือง มีความยาวที่สุด และขนาดใหญ่ที่สุด มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 6 เมตร ยาว 13.5 กิโลเมตร
โครงการนี้เป็นโครงการยักษ์ ใช้งบประมาณเงินลงทุนมหาศาล ซึ่งจะต้องมีวิธีการจัดการที่ถูกต้อง แต่ก็มีปัญหาอยู่คือ อุโมงค์ยักษ์ไม่ทำงาน และมีอุปสรรคทำให้ลำเลียงน้ำมาระบายน้ำไม่ได้
ก่อนหน้านี้  นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทยได้สอบถามเจ้าหน้าที่ถึงปัญหาดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า รัฐบาลให้คลองสามวาเป็นสถานีสูบน้ำ และลำเลียงน้ำมาระบายที่อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำคลองแสนแสบ ขณะนี้มีปัญหาการลำเลียงเข้าปากอุโมงค์พระราม 9 เนื่องจากติดคอขวดที่ประตูระบายน้ำ ซึ่งรับน้ำมาจากคลองแสนแสบได้ขวางกั้นทางน้ำไว้ จึงทำให้ระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นไปอย่างล่าช้า และระบายน้ำได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งกทม.ไม่ได้เสนอของบประมาณจากรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้
ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ค
ชาวกทม.ยังคงตั้งคำถามว่า หากเกิดน้ำท่วมอุโมงค์ยักษ์แห่งนี้จะทำงานได้หรือไม่??  จะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เนื่องจากพบว่ายังมีปัญหาในเรื่องการลำเลียงน้ำเหมือนปี 2554 โดยน้ำที่ถูกส่งมาระบายน้ำยังติดคอขวด ทำให้ผลักดันน้ำไม่ทัน จึงเสียดายที่อุโมงค์ยักษ์ไม่สามารถเดินเครื่องได้เต็มสูบ
อย่างไรก็ตาม พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวหลังจากประชุมกับสำนักการระบายน้ำ เพื่อเตรียมแผนป้องกันน้ำท่วม กทม. ว่า จะพาสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจระบบระบายน้ำ โดยเฉพาะอุโมงค์ยักษ์ว่า ยังทำงานได้จริง ไม่ให้มีการเข้าใจผิดในสังคมออนไลน์  ส่วนน้ำท่วมที่ด้านเหนือ กทม. พร้อมให้ผันมีการระบายน้ำไป กทม. ฝั่งตะวันออก และตะวันตก ส่วนหนึ่งการระบายน้ำทางแม่น้ำเจ้าพระยา ยังทำได้อยู่
จะใช้ได้ผลจริงตามที่ทางกทม.ออกมาให้ความมั่นใจหรือไม่นั้น ต้องรอลุ้นกันว่า ปริมาณน้ำจะมากเหมือนเช่นปีที่ผ่านมาหรือไม่ และอุโมงยักษ์ จะเป็นอุโมงค์มหัศจรรย์ผันน้ำออกกทม.แก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด …

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ทั่วไทยฝนตกหนักมาก กทม.เตือน 27ชุมชน ยกของขึ้นที่สูง


กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย “ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย” ฉบับที่ 4 ระบุว่า
ในช่วงวันที่ 13-17 กันยายน 2555 ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าว และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดในระยะนี้ ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 60% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อนึ่ง เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (13 ก.ย.) พายุโซนร้อน “ซันปา” (SANBA) ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ที่ละติจูด 14.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 129.9 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง และคาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ไต้หวัน และเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงวันที่ 15-16 กันยายน 2555
กทม.เตือนประชาชน 27 ชุมชนยกของขึ้นที่สูง
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ได้รายงานข้อมูลการพยากรณ์อากาศว่าระหว่างวันที่ 14-17 กันยายนนี้ ในพี้นที่ กทม.จะเกิดฝนตกหนาแน่น และน้ำทะเลหนุนสูง ปลัด กทม.จึงได้ออก ว.8 สั่งการให้ทั้ง 50 สำนักงานเขต เตรียมรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้พร้อมในจุดอ่อน อย่างพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำ เพื่อเร่งสูบน้ำระบายออกทันที และขอให้เตือนประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา 27 ชุมชน ให้เตรียมพร้อมยกของขึ้นที่สูงและระมัดระวังในวันดังกล่าว และให้สำนักงานเขตในพื้นที่ซ่อมแซมและเสริมสะพานไม้ด้วย

ผลวิจัยชี้ ทำงานหนักเกิน 8 ชั่วโมงเสี่ยงโรคหัวใจสูงถึง 80 เปอร์เซนต์



ผลวิจัยชี้ ทำงานหนักเกิน 8 ชั่วโมงเสี่ยงโรคหัวใจสูงถึง 80 เปอร์เซนต์
Mthainews: แม้ว่าพนักงานส่วนใหญ่จะทุ่มเทกับการทำงานเพื่อความก้าวหน้าในอนาคต แต่การทำงานหนักมากเกินไปก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ ซึ่งผลการศึกษาวิจัยยังพบว่า ผู้ที่ทำงานเกินเวลา มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจสูงถึง 80 เปอร์เซนต์ มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหัวใจกำเริบแ ละอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้หากไม่มีการดูแลสุขภาพตัวเอง
ทั้งนี้ นักวิจัยจาก Finnish Institute of Occupational Health ทำการศึกษากับกลุ่มตัวอย่างทั่วโลก 22,000 ราย จากกรณีตัวอย่างที่พบตั้งแต่ปี 1958 เป็นต้นมา พบว่าหากใครทุ่มเททำงานเกิน 8 ชั่วโมงเป็นเวลานานหลายวัน  คนกลุ่มนี้มีโอกาสเครียดสูง และโอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจมากถึง 40-80 %
ดอกเตอร์ มาเรียนา เวอร์ทาเนน หัวหน้ากลุ่มวิจัยกล่าวว่า ผลกระทบของการเกิดโรคหัวใจก็เนื่องมาจากภาวะจิตใจที่เกิดความเครียดยาวนาน และบางส่วนอาจมีพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เครื่องดื่มที่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น อาหารสำเร็จรูปหรือฟาสต์ฟู้ด ขาดการออกกำลังกาย และการพักผ่อนที่เพียงพอ
นอกจากนี้  ผู้ที่อยู่ในช่วงวัยกลางคนที่ทำงานเกิน 55 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ยังเสี่ยงต่อการทำงานของสมอง มากกว่าคนที่ทำงานเพียง 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ฉะนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตารางการทำงานให้เหมาะสม เพื่อให้สุขภาพร่างกายได้พักผ่อน ก่อนที่จะสายเกินไป เพราะร่างกายที่สูญเสียไปคงไม่คุ้มกับสิ่งที่ทุ่มเทไปกับการทำงานอย่างหนัก 

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

แสบปนเศร้า!! ชาวเน็ตแชร์ภาพ ธาราลิมปิค 2012


เป็นกระแสส่งต่อกันอย่างแพร่หลายในในโลกออนไลน์  โดยเฉพาะเฟซบุ๊กเว็บไซต์โชเชียลชื่อดัง หลังมีผู้โพสต์ภาพน้ำท่วม  พร้อมระบุข้อความว่า  “เริ่มแล้ว ธาราลิมปิค 2012 การแข่งขัน ยกของขึ้นที่สูง ทำกระสอบทราย ทำพนังกั้นน้ำ กินลำบาก ลุยน้ำมาราธอน เริ่มแล้ววันที่ สุโขทัยและอยุธยา และเตรียมตัวเข้าแข่งขัน ใกล้บ้านท่านในเร็ววันนี้”

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ชลประทานเตือน น้ำมาแล้ว ลุ่มเจ้าพระยาเตรียมรับมือ


ผอ.สำนักชลประทานที่ 12 ออกประกาศเตือนครั้งที่12 ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงต่อเนื่อง พื้นที่ลุ่มต่ำระวังน้ำท่วมฉับพลัน พร้อมให้เตรียมรับมือ
นาย ฎรงค์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 ออกประกาศแจ้งเตือนครั้งที่ 12 ว่า ฝนที่ตกหนักในลุ่มแม่น้ำปิง จ.กำแพงเพชร และจ.ตาก เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และไหลผ่านจ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา และคาดว่าจากนี้อีก 3 วัน จะมีน้ำไหลผ่านจ.นครสวรรค์ ในเกณฑ์ 1,800-2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาบริ เวณจ.นครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยนาท เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ สำนักชลประทานที่ 12 จะบริหารจัดการน้ำหลากเข้าระบบชลประทานให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 1,600-1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มในบริเวณ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา มีระดับสูงขึ้นประมาณ 50-100 เซนติเมตร จึงขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงต่อน้ำล้นตลิ่งริมแม่น้ำเจ้า พระยา ตั้งแต่จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เตรียมรับระดับน้ำที่สูงขึ้น และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด หรือสอบถามสถานการณ์น้ำได้ที่ สำนักชลประทาน หมายเลขโทรศัพท์ 0-5640-5012

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

ภูเขาไฟระเบิดใน นิการากัว อพยพคนกว่า 3,000 คน

แผ่นดินไหวใน นิการากัว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ภูเขาไฟ ซัน คริสโตบัล กรุงมานากัว ประเทศนิการากัว เกิดปะทุและระเบิดอย่างน้อย 3 ครั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา  จนเจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชน 3,000 คนออกนอกพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
ทั้ง นี้ สำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน แจ้งว่า ได้ส่งรถบรรทุก 50 คัน พร้อมกำลังทหาร 350 คน เข้าไปช่วยอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน ขณะที่สถาบันธรณีวิทยาของนิการากัว รายงานว่า คาดว่าจะมีกลุ่มแก๊สปล่อยออกมาและการระเบิดเป็นระยะ
นอกจากนั้นแล้ว กลุ่มควันยังพัดพาไปถึงเมืองเอล วีโจ, เอล คอนโช, วิลลา 15 เดอ ฮูลิโอ และ แรนเชอเรีย ด้วย

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

แผ่นดินไหวเขย่าจีน 5.7 ริกเตอร์ ทำคนตายแล้ว 43คน


ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข่าว
ขณะที่บ้านเรือนกว่า 2หมื่นหลังพังทลาย ประชาชนไร้ที่อยู่ ด้านเจ้าหน้าที่รุดเข้าช่วยเหลือแล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ว่า ที่ประเทศจีนได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.7 ริกเตอร์ และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้ง ที่บริเวณพรมแดนระหว่างมณฑลยูนนาน และกุ้ยโจว
ซึ่งจากเหตุดังกล่าว ส่งผลบ้านประชาชนกว่า 20,000 เรือนพังเสียหาย ประชาชนนับหมื่นคนต้องวิ่งหนีตายออกจากอาคารอย่างโกลาหล และขณะนี้พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 43 คน
ทั้งนี้แรงสั่นสะเทือนยังไปไกลและรับรู้ถึงมณฑลเสฉวนที่อยู่ติดกันด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

ไทยติดอันดับ 37 ของโลก ที่ใช้ประโยชน์จากเน็ต



ไทยติดอันดับ 37 ของโลก ที่ใช้ประโยชน์จากเน็ต
รายงานข่าวแจ้งว่า ประเทศไทยติดอันดับ 37 ของประเทศที่ใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก จากการสำรวจทั้งหมด 61 ประเทศทั่วโลก
ซีเอ็นเอ็น เปิดเผยรายงานผลสำรวจประเทศที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก ซึ่งจัดทำโดย องค์กร เวิลด์ไวด์เว็บ ฟาวเดชัน  พบประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 37 จากการสำรวจทั้งหมด 61 ประเทศทั่วโลก  โดยไทย มีคะแนน 43.83 จุด จากคะแนนเต็มที่ 100 จุด
สำหรับประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นๆ
อันดับ 1 สวีเดน คะแนนที่ 100 จุด
อันดับ 2 สหรัฐ คะแนนที่ 97.31 จุด
อันดับ 3 อังกฤษ คะแนน 93.83 จุด
อันดับ 4 แคนนาดา คะแนน 93.42 จุด
อันดับ 5 ฟินแลนด์ คะแนน 91.88 จุด
ส่วนในเอเชียประเทศที่ใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตนั้น
อันดับที่ 11 สิงคโปร์ คะแนน 86.41 จุด
อันดับที่ 20 ญี่ปุ่น คะแนน 68.56 จุด
อันดับที่ 34 อินโดนีเซีย คะแนน 46.29จุด
อันดับที่ 37 ไทย คะแนน 43.83 จุด
อันดับที่ 47 เวียดนาม คะแนน 24.32 จุด
ส่วนอันดับประเทศที่ใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ต แย่ที่สุด 
อันดับที่ 59 บูกินาฟาโซ คะแนน 8.51จุด
อันดับที่ 60 ซิมบับเว คะแนน 1.94จุด
อันดับที่ 61 เยเมน คะแนน 0 จุด
สำหรับเกณฑ์การชี้วัด วัดจากความพร้อมและความสะดวกทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและกฏเกณฑ์ในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของประเทศนั้นๆ   อีกทั้งยังดูในเรื่องของเนื้อหาสาระ และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เข้ามาเป็นตัวชี้วัดอีกด้วย รวมถึงจัดทำข้อมูลในรายงานฉบับดังกล่าว ทำโดยการรวบรวมจากแหล่งข้อมูลร่วมกับ มหวิทยาลัย ออกซ์ฟอร์ด เป็นเวลาถึง 5 ปี

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

อย. ไฟเขียว ผลิตยาซิเดกร้า (Sidagra) แทนไวอาก้า


หวังป้องกันปัญหายาปลอม และยาราคาแพง คาด 15ต.ค.นี้เริ่มจำหน่าย
รายงาน ข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ทางองค์การอาหารและยา หรืออย. ได้อนุมัติให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิตยาซิเดกร้า (Sidagra) หรือยาแก้ไขอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย เช่นเดียวกับไวอากร้า (Viagra)
โดยนพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เผยว่า การอนุญาตให้ผลิตยา ซิเดกร้า จำหน่ายในประเทศไทยดังกล่าว ก็เพื่อแก้ปัญหายาปลอมและปัญหายาราคาแพงได้
สำหรับยาซิเดกร้า (Sidagra) จะมี2 ขนาด คือ เม็ดละ 50 มิลลิกรัม ราคา 25 บาท และ 100 มิลลิกรัม ราคา 45 บาท คาดว่าตัวยาชนิดดังกล่าวจะเริ่มออกจำหน่ายได้ภายใน วันที่ 15 ตุลาคมนี้

กทม. เผย 7 จุดน่าห่วง ทดสอบปล่อยน้ำฝั่งตะวันตก


ภายหลังประชุมเตรียมรับมือการทดสอบการปล่อยน้ำ ในพื้นที่ฝั่งตะวันตก วานนี้(4 ก.ย.)ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือ เรื่องการพยากรณ์อากาศ ซึ่งทั้งกรมอุตุนิยมวิทยาและเว็บไซต์ทั่วโลก คาดการณ์ว่าตลอดสัปดาห์นี้จะมีฝนตกหนักมากในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นห่วงว่าอาจส่งผลกระทบต่อการทดสอบ
โดย พื้นที่จุดเสี่ยงที่คาดว่าอาจได้รับผลกระทบต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 7 จุด ได้แก่
1. หมู่บ้านร่วมเกื้อ พุทธมณฑลสาย 4 เขตทวีวัฒนา 
2. หมู่บ้านชัชฎาวิลล่า พุทธมณฑลสาย 3 เขตบางแค 
3. หมู่บ้านเศรษฐกิจ ในพื้นที่เขตบางแค 
4. บริเวณถนนเพชรเกษม 69 เขตบางแค 
5. ช่วงถนนทวีวัฒนา 25 แยก 7 เขตทวีวัฒนา 
6. แก้มลิงเพชรเกษม  เขตบางแค และ 
7.บางโคลัด ตัดคลองราชมนตรี เขตบางบอน
อย่างไรก็ตาม กทม.ได้เตรียมพร้อม ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ทั้งสำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา เทศกิจ สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการแพทย์ และสำนักอนามัยกว่า 2,000 นาย กระจายตามจุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ และรายงานผลทุกๆ 15 นาที

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

เรกูเลเตอร์ เตรียมขึ้นค่าไฟ ก.ย.-ธ.ค.อีก 10-20 สต./หน่วย



เรกูเลเตอร์ เตรียมขึ้นค่าไฟ ก.ย.-ธ.ค.อีก 10-20 สต./หน่วย
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เตรียมขึ้นค่าไฟงวดใหม่ ก.ย.-ธ.ค. 55 อีก 10-20 สตางค์ต่อหน่วย จากที่จะขึ้น 50 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อลดผลกระทบให้ประชาชน
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า การพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. 55  ทางเรกูเลเตอร์พยายามไม่ให้ค่าเอฟทีขึ้นสูงมากเกินไป เนื่องจากจะช่วยลดผลกระทบประชาชน โดยคาดว่าจะปรับขึ้นเฉลี่ย 10-20 สตางค์ต่อหน่วย จากต้นทุนจริง 50 สตางค์ต่อหน่วย
ทั้งนี้จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น รวมถึงยังมีภาระตรึงค่าเอฟทีสะสมจากรอบก่อนที่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ช่วยรับภาระไปก่อนถึง 1.4 หมื่นล้านบาท ดังนั้นถ้าจะไม่ให้ขึ้นค่าเอฟทีเลยคงเป็นเรื่องยาก
อย่างไรก็ตาม จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาต้นทุนรายละเอียดถึงภาระที่ กฟผ.จะแบกรับได้ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่จะนำมาลดภาระได้บ้าง ก่อนที่จะสรุปตัวเลขเพื่อให้เรกูเลเตอร์ชุดใหญ่เห็นชอบประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

อุตุฯ เตือน 16 จังหวัด ระวังน้ำท่วมฉับพลัน 3-6 ก.ย. นี้


น้ำท่วมฉับพลัน
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา”ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก” ฉบับที่ 13 ลงวันที่ 3 กันยายน 2555 ระบุว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ตามที่ ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่ม ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 3-6 กันยายน 2555 นี้ไว้ด้วย
สำหรับ 16 จังหวัดเสี่ยงได้แก่
1. แม่ฮ่องสอน
2. อุตรดิตถ์
3. สุโขทัย
4. ตาก
5. พิษณุโลก

6. เพชรบูรณ์
7. อุดรธานี
8. สกลนคร
9. นครพนม
10. มุกดาหาร
11. อำนาจเจริญ
12.อุบลราชธานี
13. นครสวรรค์
14. อุทัยธานี
15. ลพบุรี
16. สระบุรี
ประกาศ ณ วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 11.30 น.

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

เยาวชนไทยอ่อนภาษาอังกฤษกว่ากัมพูชา


เยาวชนไทยอ่อนภาษาอังกฤษติดอันดับ 42 ของโลก จากทั้งหมด 44 ประเทศ ทั้งนี้เลขาธิการสภาการศึกษา เร่งส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศของกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศและประเทศบวกสาม เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558

อีก 3 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาต่างประเทศ เพื่อใช้ในการสื่อสารกันในภูมิภาคถือเป็นสิ่งสำคัญ ากการ สำรวจของโรงเรียนสอนภาษาระดับโลก เอดูเคชันเฟิสต์ หรือ อีเอฟ (EF) ระบุว่า เยาวชนไทยอ่อนภาษาอังกฤษติดอันดับ 42 ของโลก จากทั้งหมด 44 อันดับ รองจากกัมพูชาที่อยู่ในอันดับที่ 41 เวียดนามลำดับที่ 39 อินโดนีเซียลำดับที่ 34 และมาเลเซียอยู่ลำดับที่ 9 ผลการสำรวจนี้ แสดงให้เห็นชัดว่าทักษะภาษาอังกฤษของเยาวชนไทยนั้นยังไม่สามารถสู้กับประเทศ อื่นๆได้

เลขาธิการสภาการศึกษา ระบุว่า ประเทศไทยไม่มียุทธศาสตร์และเป้าหมายในการเรียนภาษาต่างประเทศอย่างเป็นระบบ โดยผู้เรียนไม่ทราบว่าเรียนไปเพื่ออะไร ทำให้ต้องมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างเร่งด่วนและในวงการศึกษาไทยขณะนี้มี เวลาไม่มาก สำหรับการปรับเปลี่ยนเพื่อพัฒนาการศึกษาที่มีคุณภาพสู่ระดับสากล เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศนั้นมีความสำคัญ มาก

นอกจากนี้เมื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว การติดต่อในระบบงานราชการ จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยการทำหนังสือราชการติดต่อนั้น ควรมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วย

และ อีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะต้องเรียนรู้ได้อย่างน้อย 3 ภาษา นั่นคือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน และที่เพิ่มมานั้นคือภาษาประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการติดต่อสื่อสารทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ประเทศไทยมียุทธศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจแล้ว แต่ยังขาดยุทธศาสตร์ทางด้านการศึกษา ซึ่งเลขาธิการสภาการศึกษา ระบุว่า โดยการศึกษาต้องนำไปเสริมทางด้านเศรษฐกิจด้วย ซึ่งหลายหน่วยงานต้องเร่งปลุกระดมให้มีการเรียนรู้ภาษามากขึ้น เพื่อเป็นผลพลอยได้ให้ประเทศไทยมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นด้วย